วันที่ 11 สิงหาคม 2565 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ออกมาให้คำแนะนำแก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสชนิดรับประทานที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส และทำให้เกิดการสร้างสรรค์พันธุกรรมของเวลาที่ผิดปกติส่งผลให้ไวรัสตาย
วิธีรับประทาน
สามารถรับประทานได้ทั้งก่อนและหลังอาหาร เนื่องจากยาดูดซึมจากทางเดินอาหารได้ดี
การจ่ายยา
แพทย์จะเป็นผู้ประเมินการใช้ยาโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ผู้ป่วยอายุมากกว่า 60 ปี, ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง, ผู้ป่วยภาวะปอดอักเสบที่มีอาการรุนแรง และผู้ที่มีภาวะอ้วน, ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดเรื้อรัง โรคตับ ไตเรื้อรัง โรคหัวใจ และหลอดเลือด เบาหวาน
ขนาดยาที่ใช้
สำหรับผู้ใหญ่
· วันที่ 1 : 1,800 มิลลิกรัม (9 เม็ด) วันละ 2 ครั้ง
· วันต่อมา 800 มิลลิกรัม (4 เม็ด) วันละ 2 ครั้ง
หากน้ำหนักตัวมากกว่า 90 กิโลกรัม จะต้องปรับเปลี่ยนขนาดยาเป็น
· วันที่ 1 : 2,400 มิลลิกรัม (12 เม็ด) วันละ 2 ครั้ง
· วันต่อมา 1,000 มิลลิกรัม (5 เม็ด) วันละ 2 ครั้ง
สำหรับเด็ก
วันที่ 1 : 70 มิลลิกรัม / กิโลกรัม / วัน
วันต่อมา 30 มิลลิกรัม / กิโลกรัม / วัน โดยแบ่งรับประทานวันละ 2 ครั้ง
พร้อมให้คำแนะนำว่า ควรได้รับยาตั้งแต่ 4 วันแรกเมื่อมีอาการจึงจะได้ผลดี โดยระยะในการรักษาอยู่ที่ 5 - 10 วัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค และการตอบสนองต่อการรักษาของผู้ป่วยแต่ละราย
ผลข้างเคียงของการใช้ยา
ยาฟาวิพิราเวียร์ จัดเป็นยากลุ่มควบคุมพิเศษ ต้องมีการสั่งจ่ายและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น จำเป็นที่จะต้องมีการติดตามอาการข้างเคียงและผลการรักษาระหว่างการใช้ยา โดยผลข้างเคียงที่สามารถพบได้ มีดังนี้
· ตับอักเสบ
· คลื่นไส้ อาเจียน
· ปวดท้อง
· ถ่ายเหลว
· ผิวหนังเป็นผื่นแพ้
· ระดับกรดยูริกในเลือดสูง
คำเตือน : ไม่ควรใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าอาจตั้งครรภ์
ทั้งนี้สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ FDA Thai