ตามรายงานของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ พบว่ามีการตรวจพบสายพันธุ์ 496 รายในประเทศระหว่างวันที่ 7 เมษายนถึง 13 มิถุนายน ดร. ศุภกิจ ศิริลักษณ์ หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าวว่า 404 รายอยู่ในกรุงเทพฯ
“สายพันธุ์เดลต้าสามารถแพร่เชื้อได้มากกว่าอัลฟ่า 40% และต้องติดตามอย่างใกล้ชิดทุกสัปดาห์” นอกกรุงเทพฯ มีรายงานผู้ป่วยนอกจังหวัดปทุมธานี ซึ่งได้รับการยืนยัน 28 ราย และนครนายก 8 ราย นอกจากนี้ยังพบสายพันธุ์เดลต้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ โดยมีผู้ติดเชื้อ 2 รายในจังหวัดสกลนครและอุบลราชธานี และ 1 รายในจังหวัดขอนแก่น อุดรธานี เลย และบุรีรัมย์ ภาคเหนือของประเทศ พบผู้ป่วยในจังหวัดพะเยา 2 ราย จังหวัดเชียงรายและเพชรบูรณ์ 1 ราย ภาคตะวันออก ทั้งชลบุรีและจันทบุรี รายงานผู้ป่วย 1 ราย สำหรับตอนนี้สายพันธุ์อัลฟ่า (เดิมเรียกว่าสายพันธุ์อังกฤษ) ยังคงเป็นสายพันธุ์หลักที่กำลังระบาดในประเทศไทย โดยกรณีของสายพันธุ์เบต้า (แอฟริกาใต้) ถูกจำกัดอยู่ที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาสทางตอนใต้ และสถานกักตัวของรัฐในจังหวัดภาคกลางของสมุทรปราการ
ในขณะเดียวกัน การศึกษาที่ดำเนินการโดยภาควิทยาศาสตร์การแพทย์และเกี่ยวข้องกับอาสาสมัคร 200 คนที่ได้รับวัคซีน Sinovac ทั้งหมด 2 โดส แสดงให้เห็นว่ามีการป้องกัน 100% จากสายพันธุ์เดิม แต่ลดลงเหลือ 50 – 60% เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อัลฟ่า การศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีน AstraZeneca จำนวน 1 โดสต่อทั้งสายพันธุ์อัลฟ่าและเดลต้ากำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่