นายแพทย์สมศักดิ์ อธิบดีกรมการแพทย์ ได้ออกมาเปิดเผยผลการวิจัยกับสื่อมวลชนว่า กลไกการออกฤทธิ์ของยาฟาวิพิราเวียร์นั้นสามารถยับยั้งการเพิ่มจำนวน RNA ของไวรัสได้ ส่งผลให้เชื้อไวรัสไม่เพิ่มจำนวนและถูกกำจัดไปด้วยปฏิกิริยาร่างกายในที่สุด แม้ว่ายาชนิดนี้จะถูกสร้างขึ้นเพื่อรักษาโรคไข้หวัดใหญ่และอีโบล่า แต่เนื่องจากว่าในปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานใดผลิตยาที่สามารถต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้โดยตรง ทำให้ยาฟาวิพิราเวียร์มีประสิทธิภาพที่สูงที่สุดในขณะนี้แล้ว การใช้ยาชนิดนี้บรรเทาอาการป่วยจากโรคโควิด-19 จนหายดีจึงถือเป็นแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง
สำหรับการใช้ยาชนิดนี้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั้น ผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะต้องได้รับยาภายใน 4 วันตั้งแต่มีอาการ แต่ประเด็นด้านประสิทธิภาพของยาชนิดนี้ในต่างประเทศยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องอยู่เช่นเดิม เพราะมีงานวิจัยบางที่ได้ผล บางที่ไม่ได้ผลจึงไม่สามารถรับประกันคุณภาพยาชนิดนี้ในระดับสากลได้ ในขณะที่ประเทศไทยใช้ยาชนิดนี้เพื่อรักษาอาการป่วยจากโรคโควิด-19 เป็นหลัก อีกทั้งยังมีการสั่งซื้อยาฟาวิพิราเวียร์เพิ่มจากต่างประเทศและผลิตเองรวมมากกว่า 100 ล้านเม็ด ทางสาธารณสุขจึงมั่นใจว่าจะมียาเพียงพอต่อผู้ป่วยในประเทศไทยอย่างแน่นอน
