คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในจังหวัดกรุงเทพฯ สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี และนครปฐมทันที ในการบรรยายสรุปเมื่อวันที่ 16 ก.ค. รัฐบาลได้ขู่ว่าจะมีการจำกัดการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดขึ้น เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อโควิด19 เพิ่มขึ้น และมีผู้ถูกจับได้ว่าฝ่าฝืนเคอร์ฟิว และฝ่าฝืนข้อจำกัดต่าง ๆ
พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ รับผิดชอบประเด็นด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 และเป็นผู้กำหนดข้อจำกัดห้ามการชุมนุม ซึ่งจะทำให้การประท้วงเกิดขึ้นอย่างผิดกฎหมาย ผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่ง ฝ่าฝืน พ.ร.บ. โรคติดต่อ และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินโควิด-19 อาจถูกปรับสูงสุด 40,000 บาท และอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี ในเขตพื้นที่สีแดงเข้ม (กรุงเทพฯ และ 5 จังหวัดข้างต้น รวมทั้งจังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี สงขลา และยะลา) งดจัดการประชุม งานเลี้ยง และเทศกาล ยกเว้นพิธีตามประเพณีที่วางแผนไว้แล้ว จังหวัดในเขตพื้นที่สีแดง และจังหวัดโซนสีส้มมีข้อจำกัดที่ผ่อนคลายมากกว่า โดยห้ามทำกิจกรรมและรวมตัวที่ถือว่ามีความเสี่ยงโดยไม่ได้รับอนุญาตล่วงหน้าจากหน่วยงานของรัฐ
ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังได้ขู่อีกว่า หากผู้คนไม่เชื่อฟังข้อจำกัด โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดก็สามารถใช้มาตรการที่เข้มงวดกว่านี้ได้ เช่น การทำงานจากที่บ้าน และข้อจำกัดที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในการเดินทางทั่วจังหวัด