ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากภาคการบริการและการท่องเที่ยว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของ GDP เมืองพัทยา และยังคงประสบปัญหาจากการระบาดใหญ่ แทบไม่มีการท่องเที่ยวระหว่างประเทศตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว และประเทศไทยกำลังต่อสู้กับการระบาดที่ร้ายแรงที่สุดของโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน
แม้แต่ธุรกิจที่สามารถเปิดได้ เช่น ร้านอาหาร ต่างก็กำลังประสบปัญหากับการห้ามรับประทานอาหารภายในร้าน ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถให้บริการซื้อกลับบ้าน หรือจัดส่งได้เท่านั้น ด้วยจำนวนผู้อยู่อาศัยที่ตกงานนับไม่ถ้วน และแรงงานนอกระบบจำนวนมากที่ไม่ได้ลงทะเบียนในระบบประกันสังคม ประชาชนพบว่าตนเองไม่มีรายได้ ส่งผลให้เกิดคนไร้บ้านเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นายกเทศมนตรีเมืองพัทยากล่าวว่า สถานการณ์เลวร้ายลง โดยขณะนี้พัทยาจัดเป็นเขตควบคุมสูงสุด ซึ่งหมายความว่าธุรกิจจำนวนมากขึ้นจะถูกบังคับให้ปิด
“สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายลง และพัทยากำลังกลายเป็นเขตควบคุมสูงสุด ซึ่งจะเห็นได้ว่าธุรกิจต่าง ๆ ต้องปิดตัวลงมากขึ้น และธุรกิจที่สามารถเปิดได้ก็มีแนวโน้มที่จะมีลูกค้าน้อยลงไปอีก ผู้คนได้รับผลกระทบอย่างกว้างขวางจากการระบาดของโรค และไม่มีใครอยากเห็นเมืองนี้อยู่ในสภาพปัจจุบัน เราไม่รู้แน่ชัดว่าเมื่อใดที่เราสามารถให้ความชัดเจนสำหรับธุรกิจต่าง ๆ ที่จะกลับมาเปิดใหม่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมบันเทิง การท่องเที่ยว และสถานบันเทิงยามค่ำคืนของพัทยา ซึ่งเป็นแรงดึงดูดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ”
นายกเทศมนตรีกล่าวว่า แต่ละครอบครัวที่ลงทะเบียนมีสิทธิ์ได้รับเงิน 2,000 บาท โดยเงินทุนมาจากโครงการอื่น ๆ ที่ถูกเลื่อนออกไปอันเป็นผลมาจากการระบาดใหญ่ ประชาชนสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่ต้นเดือนหน้า โดยเงินจะถูกแจกจ่ายออกไปในเดือนกันยายน
