นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 ว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เห็นชอบที่จะให้มีแผนการบริหารจัดการวัคซีนภายในเดือนธันวาคม 64 โดยจะต้องให้มีบริการการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 6.6 ล้านโดส ซึ่งจะแบ่งออกเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 3.1 ล้านโดส เข็มที่ 2 จำนวน 2.3 ล้านโดส และเข็มที่ 3 จำนวน 1.2 ล้านโดส
สำหรับประชาชนที่ได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) เข็มที่ 1 และ 2 สามารถที่จะฉีดวัคซีน mRNA อย่าง (Pfizer) หรือ โมเดอร์นา (Moderna) เพื่อกระตุ้นเป็นเข็ม 3 ได้เลย โดยจำเป็นที่จะต้องเว้นระยะการฉีดวัคซีนห่างกันตั้งแต่ 3-6 เดือนขึ้น หลังจากที่ฉีดเข็ม 2 ไปแล้ว นอกจากนี้ประชาชนที่ได้รับวัคซีน ไฟเซอร์ หรือ โมเดอร์นา เป็นเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ก็สามารถที่จะขอรับวัคซีนเข็ม 3 เพื่อนกระตุ้นได้ ซึ่งจะต้องเว้นระยะห่างการฉีดตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ทั้งนี้รวมถึงประชาชนที่ได้รับวัคซีนสูตรไขว้ ก็สามารถขอรับวัคซีน ไฟเซอร์ หรือ โมเดอร์นา หรือ แอสตราเซเนกา เพื่อกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามทาง ศบค. ก็ได้มีแผนที่จะให้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้กับประชาชนเพิ่มอย่างน้อย 23 ล้านโดส ภายในเดือน มีนาคม 2565 ที่จะถึงนี้ เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชน รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้กล่าวขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้ความร่วมมือในการป้องกันตัวเองจากโควิด-19 ทำให้ตอนนี้สถานการณ์กำลังดีขึ้น