วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 บริษัท ไทยออยล์ (ประเทศไทย) รายงานว่าราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ลดลง เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้า โดยคาดการณ์ว่าจีนอาจเปิดตัวเลขนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น อีกทั้ง ค่าของสกุลเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น 0.34% ทำให้นักลงทุนแข็งค่าและซื้อสัญญานน้ำมันดิบ ซึ่งดัชนีดอลลาร์ปรับเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 100.3

 

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานว่าตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐในสัปดาห์สิ้นสุดที่ 14 กรกฎาคม 2566 ปรับตัวลดลง 0.7 ล้านบาร์เรล ลงไปที่ระดับ 457.4 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าคาดการณ์ที่นักวิเคราะห์คาดเดาไว้ที่ 2.4 ล้านบาร์เรล นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 0.25% ในการประชุมวันที่ 25 - 26 กรกฎาคม 2566 ซึ่งอาจเป็นการปรับขึ้นครั้งสุดท้ายของปีนี้ ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 19 - 20 มีนาคม 2567

 

กระทรวงพลังงานของรัสเซียได้เผยแพร่เป้าหมายในการลดการส่งออกน้ำมันลง 2.1 ล้านตันในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ซึ่งสอดคล้องกับแผนการลดการส่งออก 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคม 2566

-      ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากการส่งออกน้ำมันเบนซินของซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าน้ำมันเบนซินของสหรัฐยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้แต่ในสภาพอากาศที่อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น

-     ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส ซึ่งเป็นเนื่องจากการส่งออกน้ำมันดีเซลของเกาหลีใต้คาดว่าจะลดลงต่อเนื่องจนถึงเดือนสิงหาคม 2566 เนื่องจากโรงกลั่นในเกาหลีใต้มีการจัดสรรน้ำมันดีเซลเพื่อใช้ในตลาดภายในประเทศ

 

โดยรวมแล้ว ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันทั้งเวสต์เทกซัสและเบรนต์คือ ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้า การกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และคาดการณ์การปรับตัวของรัฐบาลและธนาคารกลางสหรัฐในอนาคต

เข้าชม 26 แชร์ 0
เกาะติดประเด็นสำคัญกดติดตาม "ข่าวสเตชั่น"

เศรษฐกิจอื่นๆ