เมื่อปีที่แล้ว ประเทศไทยนำกัญชาและใบกัญชาออกจากรายการยาเสพติดต้องห้าม (เมล็ดพันธุ์และดอกยังคงถูกห้าม) บุคคลทั่วไปยังคงไม่ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาเพื่อขาย แม้ว่ามหาวิทยาลัย วิสาหกิจ และชุมชนแพทย์สามารถขอใบอนุญาตเพื่อปลูกในเชิงพาณิชย์ได้
“เราเชื่อว่ากัญชามีศักยภาพที่ดีในการเพาะปลูก เพราะจะมีผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นเริ่มใช้ยาที่มีส่วนผสมของกัญชาในเร็ว ๆ นี้” นักเศรษฐศาสตร์จากภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กล่าว การศึกษาพบว่ายาแผนปัจจุบันได้ใช้กัญชาในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ มะเร็ง โรคลมบ้าหมู และโรคทางระบบประสาทส่วนกลางเสื่อม สมพร อิศวิลานนท์ ผู้อาวุโสสถาบันเครือข่ายความรู้แห่งประเทศไทยยอมรับว่าทั้งกัญชาและกัญชงมีศักยภาพในเรื่องของรายได้มากหากลำต้นและใบของพืชกัญชาสามารถใช้เป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่มได้
นอกจากนี้กัญชายังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้อีกด้วย จากการใช้งานโดยเฉลี่ย 170 กรัมต่อคนต่อปี มูลค่าตลาดโดยประมาณของกัญชาทางการแพทย์จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.4 พันล้านบาทในปี 2568 หากการบริโภคเฉลี่ยต่อคนเพิ่มขึ้นเป็น 240 กรัมต่อปี มูลค่าจะเติบโตสูงถึง 8,000 ล้านบาทภายในปี 2568