ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเมื่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิด -19 มีปัจจัยหลายอย่างที่ก่อให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจไทยในปีปัจจุบัน ซึ่งมาจากสาเหตุหลัก ๆ คือ:
1. รายได้จากภาคการท่องเที่ยวไม่กระจายไปทั่วภาคเศรษฐกิจ: เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีภูมิภาคการท่องเที่ยวเป็นภูมิภาคหนึ่งที่สำคัญมาก รายได้จากภาคการท่องเที่ยวมักจะมีส่วนช่วยในการกระจายรายได้ไปยังภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ แต่ในปีปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมายังมีจำกัด ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจในภาคอื่น ๆ ยังคงชะลอตัวอยู่ และการบริโภคในกลุ่มที่ไม่ใช่ภาคการท่องเที่ยวก็ยังไม่ฟื้นตัวคืบคู่กับระดับก่อนโควิดเต็มที่ แตกต่างจากประเทศพัฒนาแล้วที่มีการบริโภคฟื้นตัวได้ดีกว่านี้มาก
2. อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น: เนื่องจากมีความกังวลในเรื่องของเงินเฟ้อในประเทศไทย ธนาคารปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพื่อควบคุมเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อของธนาคารชะลอลง และการเติบโตของสินเชื่อก็ชะลอลง ทำให้แนวโน้มการบริโภคสินค้าหลายชนิดคงทนหรือลดลง
3. เศรษฐกิจจีนที่ไม่ฟื้นตัวเต็มที่: เศรษฐกิจจีนที่เป็นตัวบ่งชี้สำคัญในภูมิภาคที่คาดหวังให้เศรษฐกิจประเทศไทยเริ่มฟื้นตัวอาจไม่ได้ฟื้นตัวตามที่คาดคิด ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความชะลอนี้เกิดจากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งมีผลกระทบสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยใน 2 มิติ คือ การลดจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนที่กลับมาไม่ถึงที่คาดคิด และการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งหลังปีอาจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดคิดเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ชะลอลง
ในประเด็นเงินเฟ้อ ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าเงินเฟ้ออาจเปลี่ยนแปลงอยู่ในระดับที่น้อยลงเนื่องจากเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว อาจทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงินไม่ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจสหรัฐฯซึ่งกำลังเติบโตแข็งแกร่ง อาจทำให้ดอกเบี้ยสูงขึ้น และน่าจะยาวนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ส่งผลให้เงินบาทค่าลงกว่าที่ตลาดคาดคิดในช่วงครึ่งหลังของปี 66