นายเกียรติศักดิ์ มานุชานนท์ อายุ 42 ปี อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู จุดบางกรวย เข้าแจ้งความ ว่าขณะเข้าจุดอยู่บริเวณแยกพงษ์เพชร มีอาสามูลนิธิเพชรเกษม เข้ามาถามในทำนองว่า สตาร์ทรถออกตัวดังผิดปกติมีปัญหาอะไรหรือไม่ ตนได้บอกไปว่า รถเครื่องยนต์ ไม่ดี เวลาสตาร์ทเร่งเหยียบเครื่องมีอาการกระตุกเลยต้องเหยียบคันเร่งแรงๆ หลังจากนั้นกลุ่มอาสาของฝ่ายเพชรเกษม ได้ปลีกตัว ออกไป กลับมาอีกครั้งพร้อมพวกราว 20-30 คน คราวนี้ไม่พูดพร่ำทำเพลงเข้ามารุมชกต่อย ตนเพียงคนเดียวทำให้ได้รับบาดเจ็บ ดัง กล่าว ทั้งนี้ตนไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองกับมูลนิธิดังกล่าวมาก่อนแต่อย่างใด ด้าน อาสาสมัครจากมูลนิธิเพชรเกษม ก็ได้เข้าแจ้งความ หลังเกิดเหตุเช่นกันว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทกับฝ่ายมูลนิธิร่วมกตัญญู และมีเสียงคล้ายอาวุธปืนดังขึ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้รับ แจ้งความ ไว้เพื่อสอบสวนหาสาเหตุต่อไป แต่หลังจากทั้ง 2 ฝ่ายแจ้งความกันเสร็จไม่นาน เวลา 01.30 น. ตำรวจ สน.โคกคราม ได้รับแจ้งเหตุมีการยิงปืนที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. ถนนเกษตร-นวมินทร์ ฝั่งขาออก บริเวณเสาตอม่อที่ 71-72 ในที่เกิดเหตุพบ ปลอก กระสุนขนาด 9 มม. เกลื่อนถนน โดยกลุ่มที่ก่อเหตุยิงนั้นได้หลบหนีไปแล้ว พบผู้บาดเจ็บถูกอาวุธปืนยิงเฉี่ยวขาดบริเวณ
หน้าแข้งซ้าย 1 ทราบชื่อต่อมาว่า นายพิสิฐชัย อายุ 42 ปี เป็นคณะกรรมการมูลนิธิเพชรเกษมกรุงเทพ นายพิสิฐชัยเล่าว่า ตนนัด นัดสมาชิก 20 คน มาประชุมเรื่องจะต่อบัตรสมาชิก และได้ทราบว่ามีเกิดการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างมูลนิธิเพชรเกษม กับร่วม กตัญญูที่บริเวณแยกพงษ์เพชร
ล่าสุด ที่กองบังคับการตำรวจนคร บาล 2 (บก.น.2) พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ รอง ผบก.น.2 และผกก.ทุกสถานีตำรวจในสังกัด บก.น.2 ร่วมทั้งตัวแทนของมูลนิธิทั้ง 2 ฝ่าย ที่ก่อเหตุ ประกอบด้วย นายเอกพัน หรือ ไทด์ บรรลือฤทธิ์ หัวหน้าอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และ นายบัญชา หรือหรั่ง ศรีนิลพันธ์ ผู้จัดการมูลนิธิเพชรเกษม สาขากรุง เทพ เพื่อสร้างมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีกในพื้นที่ บก.น.2 และได้มีแนวทางเพื่อป้องกัน 4 ข้อ ดังนี้ 1. ให้ทั้ง สอง ฝ่ายประชุมทำความเข้าใจกับสมาชิก เพื่อยุติความรุนแรง หากยังเกิดเหตุรุนแรงซ้ำ ทาง บก.น.2 จะทำหนังสือถึงหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ 2. ให้ทั้งสองฝ่าย นำตัวผู้ก่อเหตุมามอบตัวภายในช่วงเย็นวันนี้ โดยที่ สน.ทุ่ง สองห้อง จะเป็นฝ่ายมูลนิธิเพชรเกษม และที่ สน.โคกคราม จะเป็นฝ่ายมูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งขณะนี้สืบสวนทราบตัวแล้ว หากไม่เข้า มอบตัว จะทำการออกหมายจับ 3. ทำหนังสือเพื่อตรวจสอบมูลนิธิทุกมูลนิธิที่ปฏิบัติหน้าที่ ว่าได้รับอนุญาตจากหน่วยงาน ราชการ ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ หากพบว่ายังไม่ได้รับอนุญาต จะดำเนินการตามกฎหมาย และ 4. มาตรการในการตรวจค้นอาวุธ โดยจะขอ ความร่วมมือทุกมูลนิธิ หากต้องการปฏิบัติหน้าที่ ต้องเข้าแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อตรวจค้นว่า ไม่มี การพกพาอาวุธทุกชนิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก โดยได้สั่งการมาตรการตรวจค้นดังกล่าวกับ ผกก.ทุกสน.ใน เขต พื้น ที่ บก.น.2 และอาจนำไปปรับใช้ในพื้นที่เขตอื่นๆ
ด้าน นายเอกพัน กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวแนวทางที่ดี มาก เนื่องจากตนเองได้ติดต่อกับหลายหน่วยงาน แต่ไม่ได้รับการตอบรับ แนวทางที่ได้รับจะช่วยลดปัญหาความขัดแย้งได้ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ตนเองรู้สึกเสียใจ โดยตนเองตระหนัก ตลอดเวลาว่า เมื่อมี ปัญหาเกิดขึ้น ไม่ควรตอบโต้กลับ เพียงแค่ถ่ายคลิปเพื่อเป็นหลักฐานในการแจ้งความ โดยเคยแจ้งความมาแล้ว 4 ครั้ง หลังจาก นี้จะพา ตัวผู้ก่อเหตุมามอบตัวที่ สน.โคกคราม และขอให้เหตุการณ์ความขัดแย้งจบลงในวันนี้ ซึ่งตนจะขอพูดถึงรายละเอียด กับ ผู้ก่อเหตุเป็นอย่างแรก เนื่องจากตนเองไม่ทราบถึงรายละเอียดในเชิงลึกว่าเป็นอย่างไร
ด้าน นายบัญชา กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นมาจากเหตุไปรับผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุหน้าวัดเสมียนนารีเมื่อสัปดาห์ก่อน จากนั้นมีมูลนิธิร่วมกตัญญูมาช่วยเหลือต่อนำส่งโรงพยาบาล และอาสามีการขับรถตามกันจนมีเหตุเผชิญหน้ากัน จนกระทั่ง เมื่อ คืนที่ผ่านมาก็ได้เกิดเหตุขึ้นอีกครั้งที่แยกพงษ์เพชรซึ่งเป็นจุดจอดรถของมูลนิธิเพชรเกษม จนที่เหตุชกต่อยกัน และลุกลามไป ถึงหน้าปั๊ม ปตท. ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้เป็นฝ่ายที่เริ่มก่อน ส่วนการขอใบอนุญาตช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน และศูนย์เอราวัณ ขณะนี้ได้ยื่นเอกสารไปทั้งหมดแล้ว พร้อมยืนยันว่ามูลนิธิมีความพร้อมทั้งเครื่องมือและบุคลากร ทั้งนี้ภายหลัง จากที่ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมหารือแนวทางแล้ว นายเอกพันและนายบัญชา ได้จับมือเพื่อแสดงถึงการยอมรับ ข้อตกลงร่วมกันที่ตำรวจ ได้เสนอไว้