นาง หนูพิศ โลเกตุ อายุ 48 ปี แม่ของนายอนันต์ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับทราบจากแพทย์ผู้ชันสูตร ว่าเป็นการฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอตัวเอง ทำให้ขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต เนื่องจากสภาพศพไม่พบร่องรอยบาดแผลที่บ่งชี้ว่ามีการทำร้ายร่างกาย แต่สภาพศพมีรอยขีดข่วนบ้าง แต่ก็ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตได้ นอกจากนี้ยังไม่พบหลักฐานทางกายภาพว่าผู้ตายมีการต่อสู้ขัดขืนก่อนที่เสียชีวิต ทั้งนี้หลังจากได้ฟังคำชี้แจงจากแพทย์ ตนก็ไม่ได้ติดใจผลการชันสูตรศพของลูกชายแต่อย่างใด แม้ว่าขณะนี้ตนจะยังไม่ทราบเหตุจูงใจว่าลูกชายของตนฆ่าตัวตายเพราะสาเหตุอะไร ซึ่งตอนนี้ตนเตรียมรับศพลูกชายกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้าน จ.ร้อยเอ็ด
ด้าน นายแพทย์ วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตอนนี้ผลการชันสูตรนิติเวชออกมาแล้ว ทั้งผลการชันสูตรในที่เกิดเหตุ และผลการผ่าชันสูตรจาก รพ.มหาราชนครราชสีมา ซึ่งแพทย์ยืนยันว่าผู้เสียชีวิตขาดอากาศจากการแขวนคอฆ่าตัวตาย แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังต้องรอผลสรุปการชันสูตรฉบับสมบูรณ์ออกมาก่อน ถึงจะยืนยันได้ 100% ว่าเกิดจากการฆ่าตัวตาย เพราะที่ผ่านมาก็เคยเกิดเหตุการณ์แก้ไขผลสรุปการชันสูตรมาแล้ว โดยเฉพาะการเก็บเลือดไปตรวจสอบที่สถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูก่อนว่า จะมีสารอะไรบางอย่างที่ทำให้หมดสติก่อนฆ่าตัวตายหรือไม่ เช่นมียาสลบ หรือยานอนหลับในปริมาณมากในเลือด เพราะหากคนหมดสติแล้วจะไม่สามารถฆ่าตัวตายได้ จะต้องมีผู้กระทำ ซึ่งคดีจะพลิกเป็นการถูกฆาตกรรมทันที
โดยคาดว่าผลเลือดจะออกมาภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์ ส่วนร่องรอยแผลที่พบตามร่างกายของบอยนั้น มีอยู่ 2 จุด ได้แก่ แผลบริเวณท้ายทอย ยาวประมาณ 2 ซม. แต่มีลักษณะค่อนข้างตื้น ลึกลงไปไม่ถึงชั้นผิวหนัง และมีแผลถลอกยาวประมาณ 6 - 7 ซม. บริเวณสีข้างด้านขวา ยาวไปถึงด้านหลัง ซึ่งแพทย์ระบุว่าแผลค่อนข้างตื้น และไม่มีรอยบอบช้ำไปถึงก้านสมอง ไม่ถึงกับทำให้หมดสติได้ ทั้งนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นแผลที่เกิดจากการพยายามผูกคอแล้วไม่สำเร็จในครั้งแรก เกิดพลาดเชือกขาดตกลงมาจนเกิดแผลถลอกก็ได้ เพราะบริเวณพื้นใกล้จุดเกิดเหตุก็พบรอยคราบเลือดตกอยู่ ประกอบกับภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ตำรวจได้จากหน้าร้านค้า และบ้านเรือนใกล้เคียง ก็พบว่าบอยเดินทางมาคนเดียว ไม่มีใครมาด้วย ตอนนี้จึงให้น้ำหนักไปที่ประเด็นการฆ่าตัวตายมากกว่าประเด็นอื่น