อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงานที่บ้านเพื่อน แต่เมื่อเวลาขากลับหอพัก กลับเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง รถจักรยานยนต์ไปชนท้ายรถยนต์ที่จอดอยู่ริมทาง เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาล กระทั่งเมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ได้เสียชีวิต ซึ่งโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ได้แจ้งเรื่องราวการทำกุศลใหญ่ หลังการเสียชีวิตของว่า เจ้าตัวเคยบอกกับญาติในงานวันเกิดของป้า เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา ว่าถ้าหากตนเองตายลง ก็อยากบริจาคอวัยวะช่วยชีวิตคน
หลังแพทย์ทำการรักษา ต้องทำการปั๊มหัวใจถึง 6 ครั้ง และแพทย์ได้บอกกับทางญาติว่า นางสาวชาลิสาขาดอากาศหายใจ มีอาการสมองตาย โดยญาติตัดสินใจถอดเครื่องช่วยหายใจ เมื่อวันที่ 22 มกราคม เวลา 15.52 น. ต่อมาทางศูนย์รับบริจาคอวัยวะโรงพยาบาลเพชรบูรณ์จึงยื่นความประสงค์ในการขอรับบริจาคกับทางญาติ ญาติของผู้ป่วยจึงตัดสินใจบริจาคอวัยวะในร่างกายให้กับทางสภากาชาดไทย เพื่อหวังให้บุญกุศลส่งให้ผู้ตายไปสู่ในภพภูมิที่ดี แต่เนื่องจากสภาพทางกายของผู้ป่วย และสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทีมแพทย์ของทางสภากาชาดไทย จึงไม่สามารถเดินทางมารับบริจาคอวัยวะได้ทั้งหมด จึงได้แค่เพียงดวงตาทั้ง 2 ข้าง ลิ้นหัวใจ ไต 2 ข้าง หลอดเลือดดำบริเวณขาหนีบ ซึ่งจะสามารถนำไปช่วยชีวิตคนได้ถึง 6 ชีวิต
ส่วนศพของผู้เสียชีวิตนั้น ทางญาติจะนำกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศล ที่บ้านพัก หมู่ 1 ต.บ้านติ้ว อ.เหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ และจะมีพิธีฌาปนกิจ ในวันที่ 27 ม.ค. ณ วัดศรีภูมิ ตำบลบ้านติ้ว อำเภอหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จากการสอบถาม นางระพีพร วงษาวดี อายุ 58 ปี แม่ของผู้ตาย เล่าว่า ตนเองมีลูก 2 คน ส่วนผู้ตายเป็นน้องคนสุดท้อง ชอบเรียนภาษาอังกฤษมาก มีความฝันอยากไปทำงานต่างประเทศ เพื่อจะหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว
ช่วงนี้น้องกำลังสอบภาษา น้องประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถเก๋งที่จอดอยู่ข้างทาง หมอแจ้งน้องอาการขาดออกซิเจนหลายนาทีและขาหัก ส่วนเรื่องการบริจาคอวัยวะเป็นความประสงค์ของน้องอยู่แล้ว เพราะน้องเคยพูดกับตนเองเมื่อไม่นานมานี้ แต่ยังไม่ทันได้แจ้งความประสงค์ไปทางสภากาชาดไทย
ก่อนที่ลูกสาวจะประสบอุบัติเหตุ ตนก็ไม่เคยมีลางบอกเหตุ ว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น ปกติทุกอย่าง ตัวน้องมีความใฝ่ฝัน อยากทำงานเกี่ยวกับภาษา อยากไปทำงานต่างประเทศ เพราะน้องอยากมีรายได้มาจุนเจือครอบครัว ในครั้งนี้ที่ตัดสินใจบริจาคอวัยวะของน้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ยังมีชีวิตอยู่ และเพื่อให้เป็นกุศลต่อตัวน้อง น้องจะได้รับกุศลส่วนนี้ไปในภายภาคหน้า ที่น้องไม่ได้อยู่กับเราแล้ว จะได้เป็นโอกาสต่อชีวิตให้ผู้อื่น ซึ่งเป็นกุศลที่สูง หนุนนำให้น้องได้ไปเจอสิ่งที่ดี ในภพภูมิข้างหน้า
ด้าน นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ ผอ.โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ก็ขอสาธุอนุโมทนาบุญ ให้กับครอบครัวผู้บริจาคอวัยวะ ซึ่งประสบอุบัติเหตุ เป็นผู้ป่วยหญิง อายุ 27 ปี ซึ่งบริจาค ไต 2 ข้าง ดวงตา 2 ข้าง ลิ้นหัวใจ เส้นหลอดเลือดดำที่ขา ซึ่งสามารถนำไปช่วยเหลือคนได้ 6 คน ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลสามารถรับบริจาค ตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข เพราะเรายังมีผู้รอปลูกถ่ายอวัยวะเป็นจำนวนมาก โดยเฉลี่ยทุกปี ตั้งแต่ ปี 2562 เป็นต้นมาเรามีการจัดหาอวัยวะ สำหรับผู้บริจาค ซึ่งทางโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ เป็นสะพานบุญ
ปี 2563 ได้เคสบริจาคอวัยวะ 23 ราย ซึ่งเป็นไต 12 ข้าง ตับ 1 หัวใจ 1 ลิ้นหัวใจ 3 ดวงตา 27 ซึ่งหมายถึงเรามีอวัยวะไปให้ผู้ปลูกถ่าย 14 ท่าน และปี 2564 เราได้ ไต 18 ข้าง ลิ้นหัวใจ 2 ดวงตา 45 ดวง มีผู้บริจาคอวัยวะ 39 ราย ไปช่วยคนที่รอปลูกถ่ายอวัยวะ 65 ราย ที่มีปัญหาทุกข์ทน ทุกข์ทรมานจากอวัยวะวาย ก็จะได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ สำหรับปี 2565 นี้ เรามีการรับบริจาคอวัยวะไปแล้ว ไต 4 ข้าง ตับ 1 หัวใจ 1 ลิ้นหัวใจ 1 แล้วก็ดวงตา 6 ดวง จากผู้บริจาคอวัยวะ 8 ราย ซึ่งก็มีคน 13 คน ที่ได้อวัยวะ
ซึ่งทางโรงพยาบาล ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสีย เพราะอวัยวะได้มาจากผู้ประสบอุบัติเหตุ ทำให้เกิดภาวะสมองตาย และนำอวัยวะไปใช้ หรือดวงตา ซึ่งไม่มีข้อผูกห้ามทางการแพทย์ แต่ทางครอบครัวมีจิตศรัทธา เป็นสะพานบุญที่จะบริจาคอวัยวะให้กับผู้ที่รอคอย