เจ้าหน้าที่ตำรวจ จังหวัดชุมพร นำกำลังควบคุมตัว นายสมพิศ มากแตง อายุ 31 ปี และ นายจำเริญ มากแตง อายุ 72 ปี ทั้งสองคนเป็นพ่อลูกกัน เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ที่ 10/2564 ลงวันที่ 10 กันยายน 2564 ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนพนักงานมีหน้าที่ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์กร บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล หรือหน่วยงานที่ใช้เรียกชื่ออย่างซึ่งผู้ต้องหาร่วมกับพวกรวม 17 ราย ทำธุรกรรมกู้เงินจากกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร โดยไม่ได้มีสวนยางและสวนยางไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะได้รับการสงเคราะห์ การทำสวนยาง ทำให้กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง อำเภอท่าแซะ ได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท เหตุเกิดช่วงปี พ.ศ. 2556
ทั้งนี้ นายสมพิศ มากแตง อายุ 31 ปี กล่าวว่าครอบครัวตนฐานะยากจนมีอาชีพรับจ้างตัดปาล์ม หาเช้ากินค่ำ ส่วนพ่อตนก็แก่มากแล้วมีโรคประจำตัวต้องเข้าโรงพยาบาลตลอด จะเอาปัญญาที่ไหนไปกู้ยืมหรือทำธุรกรรมทางการเงินกับใครได้ และยืนยันว่าไม่เคยไปกู้เงินจากหน่วยงานใดทั้งสิ้น แต่เมื่อประมาณกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา ได้มีหมายเรียกมาส่งที่บ้านและภรรยาตนก็เซ็นรับไป แต่ตนก็ไม่ได้ไปพบเจ้าหน้าที่ตามหมายเรียกเพราะตนไม่เข้าใจและไม่เคยไปทำธุรกรรมทางการเงินกับใครที่ไหน และไม่คิดว่าจะเป็นตนด้วยจึงไม่ได้สนใจ จนกระทั่งวันนี้ตำรวจนำหมายจับมาจับตนและพ่อตนทำให้รู้สึกตกใจมาก ทั้งยังกล่าวต่ออีกว่าปัญหาน่าจะเกิดมาตั้งแต่ประมาณ 6-7 ปี ที่ผ่านมา ในขณะนั้นตนอยู่กับเภรรยาคนแรก ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง อำเภอท่าแซะ และได้ขอสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของตนและของพ่อตนไป บอกว่าจะเอาไปซื้ออาวุธปืนสวัสดิการให้ 1 กระบอกในราคาถูก ซึ่งตนเองก็อยากมีอาวุธปืนอยู่แล้ว แต่ในที่สุดก็ไม่ได้อาวุธปืน
หลังจากนั้นไม่นานตนได้เลิกกับภรรยาคนดังกล่าว ปัจจุบันตนมีเภรรยาใหม่มีลูกด้วยกันสองคนแล้ว มีอาชีพรับจ้างกรีดยางหาเช้ากินค่ำทั้งชีวิตมีเงินฝากอยู่ในบัญชีธนาคารชื่อของเมียตนเพียงแค่พันกว่าบาทเท่านั้น ส่วนพ่อเลี้ยงของภรรยาคนแรกภายหลังทราบว่าได้ถูกให้ออกจากที่ทำงานและถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับโกงเงินในสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง อำเภอท่าแซะ
ด้าน นายจำเริญ มากแตง อายุ 72 ปี กล่าวว่าตนอายุมากแล้วมีโรคประจำตัว โรคหัวใจ ต้องกินยาประจำ และในวันศุกร์นี้หมอที่โรงพยาบาลนัดให้ไปผ่าตัดเอาก้อนเนื้อในกระเพาะออก ปัจจุบันไม่มีรายได้อะไร ได้กินได้ใช้จากเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุจากรัฐบาลเท่านั้น แล้วมาถูกจับกุมดำเนินคดี โดยที่ตนไม่เคยไปกู้เงินจากที่ใดเลย จะต้องมาติดคุกตอนแก่ และจะเอาปัญญาที่ไหนไปใช้หนี้อีกเป็นล้าน
ด้าน พันตำรวจเอก ธานี นาคหกวิค ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร กล่าวว่าตนก็ทำตามหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับร่วมกับเจ้าหน้าที่ ปปช. ซึ่งดูจากสภาพของสองพ่อลูกแล้วตนก็รู้สึกสงสารมากเพราะมีฐานะยากจนจริง ๆ หลังจากนี้ตนก็ต้องนำผู้ต้องหาทั้งสองคนไปส่งศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ต่อไป