เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นในพื้นที่ ม.1 ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อวันที 4 มกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และหน่วยกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ ทันที ผู้เสียชีวิตคือ นายบุญจบ อายุ 65 ปี สวมเสื้อยืดแขนยาวสีน้ำเงิน สวมกางเกงขายาวสีแดง สภาพใบหน้าและลำตัวเขียวช้ำ ที่จมูกมีเลือดไหล บริเวณหน้าอก ซี่โครงหักอกยุบ
จากสอบถาม นายกำพล อายุ 66 ปี สามีซึ่งพิการแขนซ้ายขาดเกือบข้อศอก เปิดเผยว่า ตนเองเลี้ยงวัว มาประมาณ 2 ปีเศษ โดย ทุกวัน ตนเองพร้อมภรรยาจะจูงวัวออกจากคอก ไปผูกไว้ในลานหญ้าข้างสวนปาล์ม โดยส่วนใหญ่ตนเอง จะเป็นคนจูงวัวตัวเมีย ที่ เพิ่งเกิดลูก ได้ 9 วัน เป็นประจำ แต่วันนี้ไม่รู้ด้วยเหตุอันใด ภรรยาเกิดมาจูงวัวแม่ลูกอ่อนออกจากคอกเอง ส่วนตนก็จูงวัวตัวผู้ อีก 2 ตัวเดินตามมาติด
นายกำพล กล่าวว่า ขณะที่ผู้เสียชีวิต เดินนำหน้า จูงแม่วัวเดินมา จนถึงที่เกิดเหตุ ลูกวัวก็กระโดดโลดเต้น วิ่งออกไปข้างหน้า แม่วัว คาดว่าจะเป็นห่วงลูกก็ได้วิ่งตาม ทำให้เชือกที่จูงได้พันแขนภรรยา กระชากจนล้ม และกลิ้งจนเชือกมัดตัว ส่วนวัวเมื่อเชือกตึง ไม่ สามารถจะวิ่งไปหาลูกได้ ก็หันมาพุ่งเข้าใส่และใช้หัวชนภรรยา ที่พยายามจะลุกขึ้นมา ล้มกลิ้ง แล้วใช้เท้าคู่หน้ากระทืบหลายครั้ง ตนเองต้องปล่อยเชือกที่จูงวัวตัวผู้ทิ้ง แล้ววิ่งไปเพื่อจะช่วยภรรยา แต่ก็ถูกวัวแม่ลูกอ่อนใช้หัวขวิดกระเด็นไป ตนได้ลุกขึ้นมา แล้ว หยิบเชือกที่ล่ามตีใส่ตามตัวหลายครั้ง ประกอบกับลูกวัวได้วิ่งกลับมา ทำให้แม่วัวหยุดทำร้าย จึงได้รีบแก้เชือกที่พักตัวภรรยาออก แล้วนำแม่วัวไปผูกไว้ไกล เมื่อกลับมาอีกที ภรรยาบอกไม่ไหวแล้วก็นิ่งไปต่อหน้าต่อตา
นายกำพล กล่าวต่อว่า ตนเองได้วิ่งออกไปหยิบโทรศัพท์ ที่วางไว้ที่คอก ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุ ประมาณ 300 เมตร โทรไปที่ลูกสาว บอกแม่ถูกวัวทำร้ายได้รับบาดเจ็บหนัก และให้แจ้ง รพ.มารับแม่ แต่เมื่อ หน่วยกู้ชีพและกู้ภัย มาถึง ก็พบว่าภรรยาเสียชีวิตแล้ว ตนเองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก พร้อมต่อว่าทุกครั้งตนเองจะถือมีดงอ(มีดพร้า) ติดตัวมาทุกครั้ง แต่วันนี้ช่างกระไรลืมได้ เพราะถ้า หากมีมีดอยู่ในมือ ภรรยาก็คงไม่ตายแบบนี้