ความคืบหน้ากรณี นายชโนชัย หรือ โน ก่อเหตุฆาตกรรม ที่ก่อเหตุฆ่า นางสาสวรัฐคณิศร นักธุรกิจหญิงวัย 56 ปี เสียชีวิตในบ้านพัก และทำร้ายนายรุจิภาส ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยงผู้เสียชีวิตได้รับบาดเจ็บหนัก เหตุเกิดในพื้นที่ตำบลหนองกรด อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นางขนิษฐา ศีลธรรม แฟนของ นางสาสวรัฐคณิศร ได้พาตัวบุตรชายคือนายรุจิภาส ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้าย และได้รับการอนุญาตจากแพทย์ให้ออกจากโรงพยาบาล ไปที่วัดดอนใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพนางสาวรัฐคณิศร  นายรุจิภาส ระบุว่า นางสาวรัฐคณิศร แม้จะเป็นทอม แต่เค้าเปรียบเสมือนพ่อแท้ ๆ ที่ตนสามารถเรียกได้ว่าพ่อส่วนในวันเกิดเหตุตนได้เดินออกจากออฟฟิศที่อยู่ข้างบ้านที่เกิดเหตุเพื่อกลับไปทานข้าวกับผู้เสียชีวิต  แต่เมื่อเดินเข้าไปในบ้านโซนห้องครัว ก็พบตัวนายโนคนร้ายที่อยู่ใกล้บ้าน เดินถือมีดอีโต้ตรงปรี่เข้ามาฟันที่หัวของตนทันที ซึ่งตนก็ได้พยายามต่อสู้แล้ว แต่ก็สู้แรงนายโนไม่ไหว จนกระทั่งถูกนายโนทำร้ายจนสลบเหมือดไปทีหนึ่งก่อน โดยเมื่อฟื้นขึ้นมาอีกทีก็ต้องตกอยู่ในสภาพที่นายโนเอาผ้าม่านหน้าต่างและเข็มขัดมามัดมือมัดเท้า จากนั้นก็ถูกบังคับให้บอกถึงที่ซ่อนทรัพย์สินต่าง ๆ ภายในบ้าน และก็ได้ไปทั้งสร้อยคอทองคำจำนวน 12 บาท พระเลี่ยมทองอีก 8 องค์ รวมถึงเหรียญที่อยู่ในกระปุกออมสินนับพัน และบัตรเอทีเอ็มของผู้ตาย

เท่านั้นยังไม่พอ นายโนยังได้ไปแกะเซิร์ฟเวอร์วงจรปิดที่อยู่ภายในบ้าน พร้อมกับยึดโทรศัพท์มือถือของผมและผู้เสียชีวิตเอาไว้ด้วย เนื่องจากภาพหลักฐานกล้องวงจรปิดทั้งหมดภายในบ้าน สามารถเปิดดูผ่านทางมือถือได้ จากนั้น นายโนยังคงเหิมเกริม บีบบังคับให้ผมใช้โทรศัพท์ของผู้เสียชีวิต ที่ผมรู้รหัสเข้าแอปธนาคาร ให้โอนเงินจำนวน 1 ล้านบาท เข้าอีกบัญชีธนาคารของผู้เสียชีวิต ที่นายโนได้ยึดบัตรเอทีเอ็มไป และรู้รหัสบัตรอีกด้วย ซึ่งผมก็กลัวจึงยอมโอนให้ไปในรอบแรกจำนวน 5 แสนบาท แต่เนื่องจากวงเงินการโอนเต็มวงเงิน จึงทำให้ไม่สามารถโอนเพิ่มไปได้อีก ก่อนจะอาศัยไหวพริบหลอกนายโนว่าผมโอนอีกรอบครบไป 1 ล้านแล้ว จึงทำให้นายโน ยอมปล่อยผมให้รอดเงื้อมมือจากการโดนฆ่าปิดปาก โดยบอกผมว่า ให้รออีก 2 ชั่วโมง หลังนายโนหลบหนีไปแล้ว ค่อยหาทางออกไปขอความช่วยเหลือจากคนในละแวกบ้าน

นายรุจิภาส ยังระบุต่อว่า การที่นายโนทำแบบนี้ รู้ว่าเขามีปัญหาทางหนี้สิน และเขาก็ยังเป็นหนี้คนตายอยู่หลายแสน ซึ่งก็ถูกผู้ตายทวงถามอยู่บ่อย ๆ มันก็ไม่ผิดที่เจ้าหนี้จะทวงถามเรื่องเงินที่ถูกยืมไป ตนมองว่า เรื่องแบบนี้ คนเป็นหนี้ควรต้องใช้ แต่สุดท้ายมันก็ยังสามารถประนีประนอมกันได้ เพราะผู้ตายไม่มีนิสัยโหดร้ายอะไร แถมยังเคยช่วยเหลือนายโนอยู่บ่อย ๆ ด้วยซ้ำ เรื่องนี้ตนจะไม่อโหสิและให้อภัยนายโนอย่างเด็ดขาด

ทั้งนี้ หลังจากการให้สัมภาษณ์ ปรากฏว่า บิดาและมารดาได้เดินทางมาที่วัด เพื่อมาไหว้เคารพศพ และขอขมาผู้เสียชีวิต ด้วยความเสียใจก่อนจะเดินไปพูดคุยกับนายรุจิภาส เพื่อขอขมาอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับรับปากว่า จะใช้หนี้แทนนายโนที่ยืมไปแทนทั้งหมด

เข้าชม 14 แชร์ 0
เกาะติดประเด็นสำคัญกดติดตาม "ข่าวสเตชั่น"

สังคมอื่นๆ