นายมนัส ภู่อิ่ม ปีลูกชายของคุณยายเสาวนิตย์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าเรื่องที่ตน ฟ้องร้องแม่และพี่สาวคนโต ฟ้องศาลดำเนินคดีอาญาและแพ่งในข้อหา ยักยอกทรัพย์, แจ้งความเท็จ แต่คดีอาญาศาลยกฟ้อง เนื่องจากตามกฎหมายลูกที่สืบสันดานไม่สามารถฟ้องบุพการีแท้ ๆ ได้ แต่ลูกชายก็ยังไม่ยอมเลิกราฟ้องคุณแม่ในคดีแพ่ง ซึ่งจะต้องขึ้นศาลแขวงนนทบุรี ในวันที่ 5 เมษายน 65 นี้ ซึ่ง จริง ๆ แล้วตนก็ไม่อยากฟ้องแม่หรอก แต่ว่าแม่เป็นคนที่ร่วมกันกับพี่สาวไปทำการคัดลอกสำเนาโฉนดที่ดิน ของน้องสาวคนเล็กที่เสียชีวิตไป จากนั้นก็ได้นำโฉนดที่ทำขึ้นมาใหม่ไปขาย ทั้งที่โฉนดของน้องสาวคนเล็ก ตนเป็นคนเก็บไว้ ตามพินัยกรรมที่น้องทำไว้ก่อนตาย ทุกวันนี้โฉนดที่ตนเก็บไว้ ของน้องสาววันนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับถุงกล้วยแขกของพระพยอม ที่วัดสวนแก้ว ทั้ง ๆ ที่เป็นโฉนดจริง แต่ถูกแม่และพี่สาวมาคัดสำเนาจากกรมที่ดิน แล้วเอาไปขาย แบบนี้จะให้ตนรู้สึกอย่างไร ซึ่ง ตนเป็นลูกชายไม่เคยหวังทรัพย์สินสมบัติอะไร แต่ก็กลับไม่เคยได้สมบัติแม้แต่บาทเดียว ขณะที่พี่สาวคนโต และ หลานสาว เป็นฝ่ายได้สมบัติคุณแม่ตลอด ถามว่าตัวอยากไปกราบเท้าขอโทษคุณแม่ คุณแม่ก็คงไม่รับตนเป็นลูก ตนมาฟ้องคุณแม่แบบนี้ ถึงแม้ตนจะเป็นฝ่ายถูก แต่สังคมก็ต้องด่าว่าตนเป็นฝ่ายผิด
ส่วนเรื่องที่ตนรับราชการกรมอู่ แล้วไม่ได้เซ็นเบิกให้แม่ ตอนนี้ตนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ว่าการเบิกรักษาคุณแม่จะต้องสำรองเงินไปก่อน จนกว่าจะทำเรื่อง ยังไม่ทันไรพี่สาวก็พาคุณแม่ไปหาหัวหน้าของตนที่กรมอู่ จากนั้นก็จะขอเร่งรัดให้รีบทำเรื่องเบิกเงิน ซึ่งมันลัดขั้นตอนทำไม่ได้ จนตนต้องถูกหัวหน้าตั้งกรรมการสอบ จนกระทั่งหัวหน้าพบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคลาดเคลื่อนไม่ใช่เรื่องจริง ตนจึงพ้นข้อครหาในความผิดจากทางต้นสังกัดในครั้งนั้น เรื่องนี้ตนอยากให้สังคมเห็นใจ เข้าใจตนด้วย คนเป็นลูกทะเลาะกับแม่ยังไงก็ผิด ทั้ง ๆ ที่ตนเป็นฝ่ายถูกและถูกกระทำมาโดยตลอด
