ภรรยาหลวงคนนี้ คือ นางสาวปาริชาติ หรือ ผู้ใหญ่แอน ได้เผยความรู้สึก ให้ทีมข่าวฟังว่า ตนและสามีต่างคนต่างเป็นพ่อม่ายแม่ม่าย ต่างมีลูกติดคนนึงทั้งคู่ ได้มาพบและชอบพอกันเมื่อช่วงปี 2560 คบหากันได้หนึ่งปี ตัดสินใจแต่งงานกันและใช้ชีวิตร่วมกันเรื่อยมา โดยจะเจอกันอาทิตย์ละ 2 ครั้ง คือวันเสาร์และอาทิตย์ ตนเป็นผู้ใหญ่บ้าน ส่วนสามีทำงานเกี่ยวกับการบำรุงปุ๋ยต้องเดินทางออกต่างจังหวัดบ่อย ประกอบกับลูกสาวสามีเรียนอยู่ต่างอำเภอ ต้องเดินทางไม่ต่ำกว่า 30 กิโลเมตร จำเป็นต้องพักอาศัยอยู่กันคนละที่ แต่จะวิดีโอคอลพูดคุยกันทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ กระทั่ง เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ตนรู้สึกว่าสามีเปลี่ยนไป จากที่เคยวิดีโอคอลคุยกัน เริ่มไม่มีเวลาให้ อ้างว่าทำงาน เหนื่อยจากการทำงาน ตนเริ่มรู้สึกสงสัยแต่พยายามไม่คิดอะไรจนเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ทุกปีสามีของตนได้โบนัสมา จะนำเงินมาช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวจำนวนหนึ่งเพื่อเอาไว้ทำธุรกิจต่าง ๆ แต่ปีนี้กลับไม่ให้ ตนก็มีงอนบ้างเล็กหน่อยแต่ก็พูดคุยกันปกติดี
ก่อนที่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา สามีโทรมาหาบอกกับตนว่าจะไปรับแม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ ที่สุโขทัย เพื่อพาพี่ชายและพี่สะใภ้ไปผูกแขนแต่งงานกันที่ จังหวัดพะเยา สามีบอกว่าต้องใช้เวลาเดินทางขับรถไปน่าจะถึงเช้า ไว้ค่อยคุยกัน ตนก็รู้สึกเอะใจ ว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้อายุราว ๆ 50 ปี แล้ว ทำไมถึงมาแต่งงานตอนนี้ พอสามีถึงพะเยา ส่งโลเคชั่นมาให้ตนดูตนคิดว่าเรื่องจริงไม่ได้โกหก ตนได้ขอเลขบัญชีพี่ชายและพี่สะใภ้เพื่อโอนเงินใส่ซองช่วยงานไป 1,000 บาท พอถึงงานแต่งสามีพยายามปฎิเสธการพูดคุยกับตนตลอดเวลา บอกว่าเสียงเพลงดังไว้ค่อยคุยไลน์กัน ตนรู้สึกแปลก ๆ จนข้ามคืนมาวันที่ 9 สามีบอกว่าเมา ไม่สามารถโทรคุยกันได้ให้ใช้การพิมพ์คุยกัน ตนเริ่มระแคะระคาย รู้สึกไม่สบายใจ
ต่อมาวันที่ 13 มกราคม สามีของตนได้เดินทางกลับบ้านมา ตนก็ได้เดินทางไปหาสามี พอไปถึงตนก็คุยกันว่าจะไปตั้งแคมป์ปิ้งที่ต่างจังหวัด สามีของตนก็ทำตัวปกติ เก็บข้าวเก็บของออกเดินทางไปเที่ยวกันตามปกติ ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ และเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม ที่สามีได้เดินทางมาหาตนที่บ้านและทำกับข้าวทานกันตามปกติ ตอนนั่งที่โต๊ะอาหารสามีของตนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา 2 เครื่อง เดิมจะใช้ไอโฟนเพียงเครื่องเดียว ส่วนอีกเครื่องบอกกับตนว่าเป็นโทรศัพท์ของลูก ตนรู้สึกเริ่มสงสัยทำไมถึงมีโทรศัพท์สองเครื่อง จังหวะที่สามีเข้าห้องน้ำตนเห็นโทรศัพท์วางไว้ จึงสุ่มรหัสผ่าน เป็นวันเดือนปีเกิด สุดท้ายเปิดเครื่องได้ ตนกดโทรศัพท์เข้าไปที่แอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก พบว่าไม่ใช่เฟซบุ๊กที่ใช้กับตน มีสองเฟซบุ๊ก ตนจึงดูที่แชทพบว่ามีการพูดคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งประเด็นเรื่องชู้สาว ผู้หญิงบอกว่าท้อง และอยู่ที่พะเยา พร้อมรูปงานแต่งต่าง ๆ ทำให้รู้ทันทีว่าตนถูกหลอก เนื่องจากจับได้ว่าเมื่อวันที่สามีไปงานแต่งพี่ชาย สามีกลับหนีไปแต่งงานกับผู้หญิงใหม่เสียเอง ตนพยายามรวบรวมสติและเรียกสามีมาคุยและถามว่า “ที่บอกไปงานแต่งพี่ชายคือไปแต่งงานเองใช่ไหม ทำไมถึงทำแบบนี้” กลับได้คำตอบว่า “สันดานพี่เป็นแบบนี้อยู่แล้ว แต่เราอะ ไม่รู้เอง” หลังจากนั้น ตนบอกสามีให้กลับบ้านไป และได้ขอโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องเก็บไว้เป็นหลักฐาน และอยากออกมาต่อสู้ทวงสิทธิ ของผู้หญิงว่าผู้ชายไม่ควรทำแบบนี้ จะเดินหน้าฟ้องร้องให้ถึงที่สุดเพื่อให้เป็นคดีตัวอย่างต่อไป