พ่อของเด็กหญิงขวัญอายุ 14 ปี และเด็กหญิงหยก อายุ 9 ปี พาลูกสาวทั้ง 2 คน เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.สีคิ้ว เพื่อแจ้งความร้องเรียนขอความยุติธรรม หลังเชื่อว่าพนักงานร้านสะดวกซื้อปรักปรำว่าลูกสาวใช้ธนบัตรปลอมเข้าชำระค่าสินค้า และกักขังลูกสาวไว้ภายในร้านนานกว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งที่ความจริงตนเองก็ทำงานอยู่ฝั่งตรงข้าม พนักงานสามารถมาแจ้งตนได้แต่ก็ไม่ทำ ที่สำคัญตนขอดูธนบัตรปลอม แต่พนักงานอ้างว่ามีเพียงภาพถ่ายเท่านั้น เมื่อถามถึงภาพจากกล้องวงจรปิด ก็ได้คำตอบว่าเห็นไม่ชัดเจน ส่วนตัวจึงมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ด้านน้องขวัญได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าวันเกิดเหตุ แฟนตนที่ทำงานอยู่จังหวัดลพบุรี ขับรถผ่านมาจึงแวะเอาเงินไว้ให้ 1,000 บาท หลังจากนั้นน้องขวัญได้พาน้องสาวไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ เป็นเงิน 35 บาท วันรุ่งขึ้นก็ได้เข้ามาซื้อของอีกครั้ง
ต่อมาวันที่ 27 กุมภาพันธ์น้องสาวเข้าไปซื้อขนมคนเดียว แต่มีพนักงานเดินมาบอกว่า น้องสาวใช้ธนบัตรปลอมซื้อของ และให้น้องเข้าไปในห้องหลังร้าน น้องจึงโทรกลับมาบอกตนว่าถูกขังที่หลังร้าน ให้ตนหาเงินมาคืน 1,000 บาท เขาจึงจะปล่อยตัว ตอนนั้นตนพยายามขอให้เขาพาน้องสาวมาหาที่บ้าน แต่เขาไม่ยอม เมื่อน้องสาวขอให้พาไปหาพ่อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งห่างกันแค่ 50 เมตร เขากลับบอกว่าจะเชื่อใจได้อย่างไร ตนจึงได้โทรหาคนรู้จักให้นำเงิน 1,000 บาท มาช่วยจ่ายให้ก่อน พนักงานจึงยอมปล่อยตัว ส่วนธนบัตรปลอมที่พนักงานอ้างนั้นพวกตนไม่เห็น
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามผู้จัดการร้านสะดวกซื้อ ซึ่งได้ชี้แจงว่า วันเกิดเหตุน้องผู้หญิง 2 คน มาซื้อของในร้าน 37 บาทและใช้แบงค์พันชำระ ตอนนั้นเป็นจังหวะเปลี่ยนกะ พนักงานจึงไม่ทันสังเกตว่าเป็นแบงค์ปลอมหรือไม่ หลังจากรับเงินมาพนักงานได้นำเงินใส่กล่องและเก็บไว้ในตู้เซฟ ก่อนที่ช่วงเย็นวันต่อมาจะเปิดนับเงินก็พบว่ามีธนบัตรปลอมอยู่ จึงเปิดกล้องวงจรปิดและจำได้ว่าเป็นเด็กแถวนี้ เมื่อน้องกลับมาซื้อของอีกครั้งจึงได้เรียกมาสอบถาม แต่ตอนนั้นมีลูกค้าอยู่ในร้านจำนวนมาก กลัวว่าจะแตกตื่น จึงได้บอกให้น้องมารอด้านในโดยไม่ได้เป็นการคุมตัวแต่อย่างใด เพราะน้องก็ยังขอออกมาซื้อขนมเข้ามาทานหลังร้านด้วย ตอนนั้นพนักงานได้บอกให้น้องโทรไปบอกญาติให้นำเงินมาชำระ บอกให้น้องเขียนชื่อและเบอร์โทรไว้ จะนำมาจ่ายวันไหนให้แจ้งมา แต่พี่สาวของน้องบอกว่าไม่ต้องจดชื่อไว้เดี๋ยวจะเอาเงินมาจ่ายเอง