เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากผู้เข้าพักหญิงที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ เธอแจ้งว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้ใหญ่บ้านโดยการไม่ให้เข้าไปกักตัวอยู่ในบ้านของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ตนเองพึ่งกลับมาจากการผ่าตัดใหญ่ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังผ่านการตรวจโควิด-19 มาแล้วตั้งแต่ต่างประเทศ
เธอคนที่ร้องทุกข์นี้ชื่อว่านางเรนนี่ อายุ 50 ปี พึ่งกลับมาจากประเทศสวีเดนเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว อีกทั้งยังได้รับการตรวจโควิด-19 อีกจำนวน 3 ครั้งในช่วงที่อยู่ประเทศไทย โดยในการเดินทางมาไทยครั้งนี้หวังเพียงจะนำลูกชายของตนที่พึ่งปลดทหาร พากลับประเทศสวีเดน
นางเรนนี่อยู่ไทยมาสักพักหนึ่งจนกระทั่งวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 ก็ได้เกิดอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์จนต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุรินทร์ แล้วจึงรักษาต่อที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ จากการช่วยเหลือจากสามีชาวต่างชาติ ทั้งก่อนและหลังผ่าตัดเธอได้ตรวจโควิด-19 เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งก่อนกลับบ้านก็ได้มีการกักตัวถึง 14 วันที่โรงแรมหน้าโรงพยาบาล รวมแล้วผ่านการตรวจโควิด-19 มาแล้วกว่า 10 ครั้งตั้งแต่เดินทางมาไทย
ก่อนที่จะกลับบุรีรัมย์เธอให้หลานกับลูกติดต่อประสานงานกับผู้ใหญ่บ้านว่ามีความประสงค์จะเดินทางกลับบ้านที่บุรีรัมย์ เพื่อตรวจสอบสถานที่กักตัวว่าเหมาะสมต่อการพักรักษาตัวหลังการผ่าตัดหรือไม่ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 แต่กลับพบว่าสถานที่กักตัวไม่เหมาะสมกับการพักฟื้นร่างกายจึงได้ขอผู้ใหญ่บ้านกักตัวที่บ้านของตัวเองในบุรีรัมย์แทน โดยมีเอกสารยืนยันการตรวจโควิด-19 ทุกอย่าง
แต่ผู้ใหญ่บ้านปฏิเสธที่จะให้กักตัวอยู่ที่บ้านพัก โดยอ้างว่าไม่มีรายชื่ออยู่ในระบบของหมู่บ้าน จึงทำให้ลูกและหลานกักตัวที่สถานที่กักตัว ส่วนเธอต้องรักษาตัวในโรงแรมคนเดียวอย่างทุกข์ทรมานเพราะไม่มีคนดูแลตลอด 15 วัน หลังจากนั้นนางจึงแจ้งร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมสำหรับผู้ใหญ่บ้านในกรณีจงใจกลั่นแกล้งตนและครอบครัว ทั้งที่มีเอกสารยืนยันตัวเองพร้อมและผ่านการตรวจมาแล้วกว่า 10 ครั้ง แต่ผู้ใหญ่บ้านอ้างเพียงทำตามกฎเท่านั้น