ผู้เสียหายคือนางนิษฐา ทองประหวั่น เป็นชาวอำเภอโคกโพธื จ.ปัตตานี วันนี้เดินทางมาพร้อมกับนายบุญทัต แท่นมงคลมาศ ทนายความ เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน จ.ปัตตานี โดยให้ข้อมูลว่าก่อนหน้านี้มีนางสาวกานต์พิชชา กนกมนต์กานต์ ผู้ต้องหานำโฉนดที่ดินหลายฉบับ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท มายืนยันขอค้ำประกันเงินกู้เป็นระยะ ๆ พร้อมทำสัญญาระบุว่าหากไม่ชำระค่างวดก็จะยอมให้ยึดโฉนดที่ดิน แต่เมื่อเวลาผ่านไปผู้ต้องหาเริ่มจ่ายเงินไม่ตรงตามเวลากำหนด และขอเลื่อนไปนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะเงียบหายไป ตนจึงนำโฉนดที่ดินไปตรวจสอบต้นขั้วโฉนดที่สำนักงานที่ดิน อ.สะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ก็พบว่าโฉนดทั้งหมดถูกปลอมแปลงด้านหลัง โดยระบุเพิ่มว่า เจ้าของคนเก่าขายให้กับผู้ต้อหา ซึ่งต่างจากฉบับต้นขั้วที่ยังคงเป็นซื่อเจ้าของเดิม ซึ่งไม่มีการโอนขายให้ผู้ต้องหาแต่อย่างใด
ต่อมาตนจึงวางแผนกับเพื่อนนำตัวผู้ต้องหามาพูดคุย พร้อมถ่ายวีดิโอไว้ ผู้ต้องหาก็ยอมรับว่าปลอมแปลงจริง ตนจึงไปแจ้งความถึง 3 สภ.ในพื้นที่อำเภอเทพา แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ ทำเพียงลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น ทำให้สงสัยว่าเหตุใดถึงไม่รับแจ้งทั้งที่มีหลักฐานสมบูรณ์ จึงไปปรึกษากับทนายความ และตามสืบเรื่องโฉนดที่ดินต่อเนื่อง จนพบเจ้าของที่ดินตัวจริง ทำให้ทราบว่าเจ้าของที่ดินไม่เคยขายที่ดินให้ผู้ต้องหา อีกทั้งบางฉบับเจ้าของที่ดินก็เสียชีวิตไปนานแล้ว นอกจากนี้ข้อสังเกตุคือ ตรงตราประทับบนโฉนด พร้อมชื่อเจ้าหน้าที่ เป็นชื่อของเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำงานมากว่า 3 ปี แล้ว แต่เรื่องดังกล่าวเพิ่งเกิดเมื่อต้นปี 2565 จึงเชื่อว่าเรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินเกี่ยวข้องแน่นอน
ด้านนายบุญทัต แท่นมงคลมาศ ทนายความ เผยว่าจากการตรวจสอบ พบว่าโฉนดที่ดินทั้งหมดยังเป็นชื่อของเจ้าเดิม และเรื่องที่เกิดขึ้นเชื่อว่าผู้ต้องหาไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียวแน่นอน โฉนดไม่มีทางหลุดออกมาเองได้มากมายขนาดนี้ ตนอยากให้ผู้ร่วมกระทำผิดที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐถูกดำเนินคดีดีด้วย ที่สำคัญเจ้าของโฉนดที่ดินยืนยันเองว่า โฉนดยังอยู่ในสำนักงานที่ดิน แต่เหตุใดถึงได้หลุดออกมาจากสำนักงานได้