โดย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวที่ภูทับเบิก แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของ จังหวัดเพชรบูรณ์ และได้พักค้างแรมที่จุดชมวิวผาหัวสิงห์ แหล่งเช็กอินแห่งใหม่ที่อยู่ใกล้กัน ได้โพสต์คลิปวิดีโอเป็นภาพกลุ่มวัยรุ่น ยกพวก ตีกัน พร้อมระบุข้อความว่า “วัยรุ่นใจร้อน ตอนแรกว่าจะอยู่อีกคืนคิดไปคิดมา กลับดีกว่ากลัว”

หลังจากคลิปวิดีโอและข้อความดังกล่าว ถูกโพสต์และมีการแชร์ออกไป ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก โดยในคลิปดังกล่าว จะเห็นว่า ชายเสื้อขาวโดนรุมทำร้ายอยู่ข้างทางหลายครั้ง จนยืนไม่ไหว เมื่อลุกเดินขึ้นมาได้ชายใส่เสื้อสี น้ำเงิน ก็เข้าชกท้ายทอย ในจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังห้ามเพื่อน ก็มีชายใส่แขนยาวใส่หมวกสีขาว เดินลงมาจากเขา แล้วเดินตรงไปที่ ชายเสื้อ ขาว แล้วชกเข้าไปที่ใบหน้าเข้าอย่างจัง จนชายเสื้อสีขาวล้มลงไปนอนกับพื้น แล้วยังตามไปเตะเข้าที่ใบหน้าอีก 1 ครั้ง และกลุ่มวัยรุ่นอีกฝ่าย ในมือยังคล้ายถืออาวุธอะไรบางอย่าง แต่ดียังมีเพื่อนคอยห้ามดึงไว้ และคลิปก็ตัดไป

ต่อมาทราบว่า ชาย 2 คน ที่โดนรุม เป็นนักท่องเที่ยวเดินทางมาจากกรุงเทพฯ มีนายเอ (นามสมมุติ) เสื้อสีขาว อายุ 23 ปี เป็นคนขี่ รถจักรยานยนต์ และมี นายบี (นามสมมุติ) ใส่เสื้อสีดำ สะพายกระเป๋า อายุ 18 ปีเป็นคนซ้อนท้ายทั้งนี้ นายบีเปิดเผยว่า เหตุการณ์ ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา ระหว่างที่ตนและพี่กำลังเดินทางกลับ และจังหวะที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์ลงเขา

ระหว่างทางได้มีกลุ่มวัยรุ่นซึ่งคาดว่าเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกัน กำลังจุดพลุเล่นใส่กันไปมา 2 ข้างทาง พี่เลยพูดกับตนว่า “ถ้าพลุโดนนะ” จังหวะนั้นกระเป๋าของตนร่วงพอดี กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว จึงได้วิ่งมาถามว่า ตะกี้พูดอะไร แต่ยังไม่ทันตอบ กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว ก็ทั้งเตะทั้งต่อยตนและพี่ จนรถจักรยานยนต์ล้มลง จนตัวพี่ยืนแทบไม่อยู่เพราะโดนเตะไปหลายครั้ง จนตัวพี่เซลงไปข้างทาง อย่าง ที่มีพลเมืองดีถ่ายคลิปวิดีโอไว้ได้ ต่อมาตนและพี่ ได้โทรศัพท์แจ้ง 191 เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ทาง 191 ก็ให้เบอร์โทรศัพท์ ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ แต่ตำรวจในพื้นที่ก็ให้โทรแจ้ง 191 ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่รู้จะทำยังไง จึงได้ตัดสินใจเดินทางกลับกรุงเทพฯ

ทั้งนี้ ในขณะที่ชาวเน็ตเห็นคลิปวิดีโอดังกล่าว แล้วไม่สบายใจ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ติดตามกลุ่มวัยรุ่นที่ ก่อเหตุมารับ โทษตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีก เพราะเกรงว่า จะมีผลกระทบถึงการท่องเที่ยวว่า ไม่มีความปลอดภัย

เข้าชม 27 แชร์ 0
เกาะติดประเด็นสำคัญกดติดตาม "ข่าวสเตชั่น"

สังคมอื่นๆ