เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าของสวนอาหารนัดกินข้าวกับเพื่อน ซึ่งเป็นข้าราชการครู ข้าราชการครูรายนี้อาสาจะปิดร้านช่วยเพราะอยู่ด้วยกัน 2 คน ปรากฏว่ามีลูกค้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายเดินเข้ามาในร้าน ก่อนที่ลูกค้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งลงเก้าอี้ กล่าวว่า "มานั่งด้วยหน่อยสิ" เจ้าของร้านปฏิเสธ ระบุว่านั่งด้วยไม่ได้ ลูกค้าถามว่า "มึงเป็นใครมานั่งด้วยไม่ได้" จึงได้ถามว่ารับเครื่องดื่มอะไรดี และแนะนำเมนู ลูกค้ากล่าวว่านำสุรามาเอง เอาแค่โซดา จึงตอบตกลง และถามว่าสั่งอาหารไหม ลูกค้าตอบกลับกล่าวว่า "จะสั่งมาทำไม สั่งไปก็ไม่มีเด็กมานั่งกินด้วย" จึงชี้แจงไปว่า ที่นี่เป็นสวนอาหาร ไม่ใช่ร้านที่มีเด็กนั่งดริงก์มานั่งกินด้วย ลูกค้าถามว่า "ไหนใครเจ้าของร้าน" เจ้าของร้านจึงแสดงตัว ก่อนจะถามว่า เปิดร้านมานานยัง เป็นลูกใคร บ้านอยู่ที่ไหน ก็ตอบคำถามไป ปรากฏว่าลูกค้าตอบกลับมาว่า "จะเป็นลูกใครกูไม่สนใจ ใหญ่มาจากไหน มึงรู้ไหมกูใคร"
ก่อนจะชวนข้าราชการครูที่เป็นเพื่อนกับเจ้าของร้านมานั่งต่อ บอกว่า "ไปนั่งกับเขา จะให้เงินคนละ 1,000 บาท" ทั้งคู่ตอบไปว่าไม่ได้ค่ะ ลูกค้ากลับกล่าวว่า "2,000 หรือจะเอา 10,000 บาท มานั่งด้วย เรื่องมากฉิบหาย"
จากนั้นลูกค้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจถามถึงเรื่องแฟน ข้าราชการครูรายนี้ก็ตอบว่า แฟนเป็นตำรวจเหมือนกัน ลูกค้าจึงถามชื่อแฟน ไปเช็กในระบบว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ ปรากฏว่าเป็นตำรวจจริง แต่ลูกค้ากลับกล่าวว่า "เป็นตำรวจจริงรึเปล่า หน้าเล็กๆ แหลมๆ ตำรวจปลอม มึงรู้ไหมว่ากูใคร สวป. (สารวัตรปราบปราม) สภ." ซึ่งเป็นสถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี อักษรย่อ ขจ. และให้ข้าราชการครูรายนี้โทรศัพท์หาแฟน ให้แฟนมารายงานตัวต่อเขา แต่แฟนข้าราชการครูไม่รายงานตัว เพราะลูกค้าพูดไม่ดีด้วย ลูกค้าจึงด่าข้าราชการครูทำนองว่า "หน้าแต่แบบนี้ เป็นได้แค่เมียน้อยเขานั่นแหละ มึงรู้ไหมกูใคร กูเพื่อนผู้ช่วยผู้บัญชาการ" โดยทุกประโยคตบท้ายด้วยคำพูดที่หยาบคาย ท้าว่าใครใหญ่จริงเอาตัวเองออกจากสถานีตำรวจภูธรนั้น หรืออยากจะไปอยู่ที่ไหนก็เชิญ