เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิต คือนายสุทัศน์ บุญเป็ง อายุ 89 ปี ก่อนเสียชีวิตได้นั่งหมดสติภายในบ้านพักตำบลหนองหอย อำเภอเมือง จังหวัด ซึ่งคุณตาสุทัศน์มีสิทธิบัตรทองรักษาอีกโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้กัน และโรงพยาบาลดังกล่าวได้แจ้งกับญาติว่าเตียงเต็ม เจ้าหน้าที่ได้ประสานหาเตียงรักษาโรงพยาบาลจอมทอง โรงพยาบาลสันป่าตอง โรงพยาบาลสันกำแพง โรงพยาบาลดอยสะเก็ด และ โรงพยาบาล ในพื้นที่ จังหวัดลำพูนแต่ไม่เตียงว่าง สุดท้ายประสานไปยังโรงพยาบาลฝาง ซึ่งระหว่างนั้นตาสุทัศน์ ต้องนอนรอการประสานหาเตียงโรงพยาบาลที่สามารถเข้ารับการรักษาได้อีกประมาณ 6 ชม. และต้องขับรถโรงพยาบาลจากโรงพยาบาลต้นสังกัดไปโรงพยาบาลฝาง ระยะทาง 156 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. และถึงที่โรงพยาบาลในช่วงกลางดึก จากนั้นแพทย์ประเมินว่ามีอาการเลือดคั่งในสมองถึง 90% และ นอนรักษาตัวโรงพยาบาลฝาง จนกระทั่งเสียชีวิตเวลา วันที่ 23 พฤศจิกายน
ทางญาติต้องฝากร่างของผู้เสียชีวิต ก่อนจะต้องเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปรับศพของคุณตาที่ โรงพยาบาลฝาง ในช่วงเช้าของวันที่ 24 พฤศจิกายน ทำให้ต้องเสียเวลาในการเดินทาง การแจ้งตายในพื้นที่ ฝาง ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการนำร่างคุณตากลับมาบำเพ็ญกุศลศพที่บ้านในตัวเมืองเชียงใหม่พื้นที่อีกกว่า 7 พันบาท
ญาติผู้เสียชีวิต ให้การว่า ผู้ป่วยได้รับการรักษาแบบทันท่วงทีอาจจะมีโอกาสรอด 50/50 เนื่องจากผู้ป่วยก็มีอายุมากแล้ว ประกอบกับมีอาการเลือดออกในสมอง ทำให้มีอาการค่อนข้างหนัก แต่จากที่ผู้ป่วยถูกนำส่งโรงพยาบาลพื้นที่ อำเภอฝาง เท่ากับว่าไม่ได้รับการรักษาเลย เนื่องจากต้องเสียเวลาเดินทาง ได้เพียงใส่ท่อและเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น และจากผลเอกซเรย์ก็พบว่ามีเลือดออกในสมองเยอะมาก ทำให้ไปทับการสั่งงานของร่างกาย ซึ่งในจุดนี้ตนไม่ได้ติดใจอาการของผู้ป่วยแต่อย่างใด แต่ติดใจตรงที่ทำไมโรงพยาบาลต้องส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาถึงที่ ตนก็มองว่าอาจจะเป็นเพราะผู้ป่วยที่มีจำนวนมากในตอนนี้ ซึ่งในส่วนนี้ตนก็ไม่อยากติดใจแต่อย่างใด และอยากให้กรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นกรณีศึกษา หรืออุทาหรณ์ในการส่งตัวผู้ป่วยไปรับการรักษาของโรงพยาบาล เพราะไม่อยากให้เกิดขึ้น