นายรณกาจ ชินสำราญ สมาชิกพรรคไทยสร้างไทย ออกมาตั้งคำถามดัง ๆ ถึงสถานการณ์เนื้อหมูแพงในขณะนี้ว่า "เหลือเวลาอีก 4 วันก็จะถึงช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่พี่น้องคนไทยเชื้อสายจีนทั้งประเทศ จำเป็นต้องซื้อหมูไปไหว้เจ้า รัฐบาลจะสามารถบอกประชาชนได้หรือไม่ว่า เมื่อถึงวันจ่ายคือวันที่ 30 มกราคม ชาวบ้านจะต้องซื้อเนื้อหมูกิโลละกี่บาทกันแน่ ตอนนี้ราคาหมูหน้าฟาร์มอยู่ที่กิโลกรัมละ 104 บาท ดังนั้นราคาหมูหน้าเขียงหรือร้านค้าปลีก จึงไม่ควรเกิน 200 บาทใช่หรือไม่? แต่เหตุใดราคาตอนนี้กลับพุ่งสูงขึ้นถึง 220 หรือ 240 บาท จนมีการคาดกันว่ากว่าจะถึงวันตรุษจีน ราคาเนื้อหมูอาจจะทะลุไปถึงกิโลกรัมละ 300 บาทหรือไม่ โดยอ้างเรื่องเนื้อหมูขาดตลาด ทั้งที่เห็นกันชัดเจนว่ามีเนื้อหมูอีกหลายล้านกิโลถูกเก็บอยู่ในสต๊อกห้องเย็นของกลุ่มนายทุน หลังจากถูกตำหนิเรื่องหมูแพงมหาโหด ตอนแรกมีการให้ข้อมูลว่าหมูขาดตลาดเพราะตายด้วยโรคระบาด แต่เมื่อถูกกดดันให้ตรวจสต๊อกหมูในห้องเย็น กลับพบว่ามีเนื้อหมูแช่แข็งถูกเก็บอยู่กว่า 18 ล้านกิโลกรัม ทั้งที่ยังตรวจห้องเย็นไม่ครบ นี่ถ้าตรวจห้องเย็นจนครบทั้งประเทศ เนื้อหมูแช่แข็งจะมีมากขนาดไหน สื่อบางแห่งบอกว่าอาจสูงถึง 25 ล้านกิโลกรัม ทำไมเนื้อหมูเหล่านี้จึงยังไม่ถูกนำไปขายในท้องตลาด และนี่คือสาเหตุที่ทำให้หมูแพงแบบผิดปกติใช่หรือไม่
ขณะที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาของเนื้อสุกร เนื้อไก่ และสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีน ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เจรจากับผู้เลี้ยงหมู ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่างๆ โดยหมูเป็นตรึงราคาไว้ไม่เกินกิโลกรัม (กก.) ละ 100-110 บาท ตอนนี้ลงมาอยู่ที่ 104 บาท ทำให้หมูเนื้อแดงในตลาดไม่ควรจะเกิน กก.ละ 200-210 บาท ซึ่งหมูเนื้อแดง เป็นตัวที่ใช้วัดมาตรฐานด้านราคา เป็นเนื้อในส่วนของเนื้อสะโพก เนื้อไหล่ แต่หมูสามชั้น ก็จะมีราคาสูงกว่าหมูเนื้อแดง ส่วนชิ้นส่วนอื่นๆ ก็ราคาแตกต่างกันไป ซึ่งยังสามารถบริหารจัดการได้อยู่
อย่างไรก็ตาม หากมีการฉวยโอกาสเกิดขึ้น กระทรวงพาณิชย์ก็จะต้องดำเนินคดีต่อไป และอยากขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ถ้าพบเห็นการฉวยโอกาสหรือกักตุน ขอให้แจ้งสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 โดยทุกเรื่องที่แจ้ง ท่านจะได้รับการสนองตอบ และปัจจุบันยังมีหน่วยงานเฉพาะกิจ 55 หน่วย ที่จะลงไปตรวจสอบทันที ไม่นับทีมงานจังหวัดต่างๆ ในส่วนภูมิภาค ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัด พาณิชย์จังหวัด และปศุสัตว์จังหวัด ลงไปตรวจสอบด้วย