โดย ญาติผู้เสียหายคือ นายชวลิต อายุ 81 ปี เป็นเซียนพระเครื่องชื่อดังของเมืองไทย ได้ให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า 2 ผู้ต้องหา คือนางสาวเอ และ นางสาวบี ได้มาพาตัว นายชวลิต ออกไปจากบ้าน ด้วยรถยนต์ โตโยต้า อัลพาร์ด ของนายชวลิต เอง พาไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านชานเมืองกรุงเทพมหานคร และได้ฉีดยาชนิดหนึ่งเข้าสู่ร่างกายนายชวลิต ด้วย 1 เข็ม และมีการ เรียกเก็บเงินครั้งแรกจำนวน 50,000 บาท แต่นายชวลิต ไม่ได้นำเงินติดตัวไป ทั้ง 2 ผู้ต้องหา จึงล่อลวงให้ นายชวลิต นำพระเครื่องที่พกติดตัวมาด้วยไปขาย และได้มาเรียกเงินกับครอบครัวนายชวลิต ค่ารักษา จำนวน 300,000 บาท พร้อมตบทรัพย์ไปทั้งหมด เป็นรถยนต์ โตโยต้า อัลพาร์ด และพระเครื่อง อาทิ สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ เหรียญหลวงปู่เอี่ยมวัดหนัง พระกริ่งปวเรศ เหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติฯ และพระเครื่องอื่น ๆ มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ไว้เป็นหลักประกัน ทางญาติจึงเดินทางมาร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยเหลือด้วย กระทั่งสามารถจับกุมตัว 2 ผู้ต้องหาได้ในที่สุด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี ได้สืบสวนจนทราบว่า พฤติการณ์ของ นางสาวเอ และ นางสาวบี มักจะแฝงตัวไปตามคาเฟ่ที่มีผู้สูงอายุ โดยอ้างตัวว่ารักษาโรคต่าง ๆ ได้
แต่ไม่พบว่าทั้ง 2 คน ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ไม่ได้เป็นแพทย์ และพยาบาล แต่อย่างใด จึงนำตัวส่งดำเนินคดี