แมงดาทะเลพบมากที่สุดตามพื้นที่แนวชายฝั่งของทะเลไทย ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มิถุนายน ไข่หรือเนื้อของแมงดาถ้วยหรือเห - ราบางตัวจะมีพิษเทโทรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) หรือซาซิท็อกซิน (Saxitoxin) เป็นพิษชนิดเดียวกับที่พบในปลาปักเป้า ซึ่งทำให้เสียชีวิตได้
ลักษณะความแตกต่างระหว่างแมงดาถ้วย และแมงดาจาน
-
แมงดาถ้วย แมงดาไฟ หรือเห - รา ลำตัวเป็นรูปโค้งกลม ขนาดตัวประมาณ 15 เซนติเมตร มีหางค่อนข้างกลม พื้นผิวด้านบนเรียบมัน สีน้ำตาลอมแดง ไม่มีสัน และไม่มีหนาม ขนาดตัวเล็กกว่าแมงดาจาน อยู่ตามพื้นทะเลที่เป็นดินโคลนและคลองในป่าชายเลน
-
แมงดาจาน ตัวใหญ่กว่าแมงดาถ้วย ขนาดตัวประมาณ 20 เซนติเมตร หางเป็นรูปสามเหลี่ยม มีพื้นผิวด้านบน มีสีน้ำตาลอมเขียว มีสันและหนามเรียงกันเป็นแถว คล้ายฟันเลื่อย อยู่ตามพื้นทะเล ชอบวางไข่ริมชายฝั่งที่เป็นดินทราย
โดยทางกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า หากกินไข่แมงดาทะเลแล้วชาตามลิ้น รอบ ๆ ปาก ปลายนิ้วมือ ปลายนิ้วเท้า เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน แขน ขาอ่อนแรง ให้รีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจทำให้หายใจไม่สะดวกและเสียชีวิตได้
พร้อมทั้งแนะแนวทางป้องกัน ดังนี้
-
งดการกินไข่หรือแมงดาในช่วงกุมภาพันธ์ - มิถุนายน
-
หากไม่ทราบวิธีการนำแมงดาทะเลมาปรุงเป็นอาหาร ห้ามกินอย่างเด็ดขาด
-
เลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ควรระวังการซื้อผ่านช่องทางเพจหรือเฟซบุ๊ก