จากเหตุการณ์โกดังพลุระเบิด ได้ทำให้เกิดความเสียหายสูงและผู้เสียชีวิตมากถึง 12 ศพ พร้อมทั้งบาดเจ็บอีก 120 คน รวมถึงการพังพินาศของร้านค้าและบ้านหลายร้อยหลัง สองผัวเมียเจ้าของโกดังกำลังหลบหนีอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังประสานงานในการติดตามจับกุม
การตรวจสอบต่อไปเป็นการตรวจสอบเจ้าของโกดังว่าเป็นเจ้าของจริงหรือเป็นของนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งหากพบว่ามีความผิดมีการดำเนินคดีต่อไป โดยได้มีการสั่งย้าย จ่าฟาโร จากเหตุรับส่วย จำทำให้มีการระเบิดเสียหาย
ส่วน สธ. นราธิวาส ได้แจงว่าน้ำในระยะ 500 เมตรห้ามชาวบ้านใช้ เพราะอาจมีสารพิษ ชาวบ้านได้รับผลกระทบ 681 ครัวเรือน โดยมีแผนการสร้างเมืองใหม่เพื่อลบภาพเหตุการณ์สยอง
การประสานงานและการดำเนินการที่รวดเร็วจะเป็นสิ่งสำคัญในการเยียวยาและช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเดือนร้อนในเรื่องที่อยู่อาศัยและสภาพจิตใจที่กระทบ และต้องมีการติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้เหตุการณ์นี้เป็นการเตือนให้เห็นถึงความสำคัญในการจัดการความปลอดภัยและการตรวจสอบที่เข้มงวดในเรื่องของวัตถุระเบิดและสารอันตราย