ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ดร.เอเดรียนา แบลนโค มาร์กิโซ หัวหน้าสำนักเลขาธิการกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าว การประเมินความจำเป็น (Needs Assessment) เกี่ยวกับการดำเนินงานควบคุมการบริโภคยาสูบของประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า ไทยได้ให้สัตยาบันตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก (WHO FCTC) ตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งเป็นพันธกรณีที่รัฐภาคีต้องปฏิบัติตามกรอบอนุสัญญาฯ อย่างเคร่งครัด ที่ผ่านมาไทยได้ออกกฎหมาย ปรับปรุงกฎหมาย กำหนดยุทธศาสตร์ มาตรการและแนวทางการดำเนินงาน ว่าด้วยการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ควบคุมและคุ้มครองสุขภาพประชาชนให้ปลอดจากโทษ พิษภัย และผลกระทบจากผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกรูปแบบ รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งไทยได้รับคำชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก เกี่ยวกับมาตรการนโยบายที่ทำอยู่ ทั้งนี้ สธ.ยังยืนยันเจตนารมณ์ที่จะควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกประเภท และเชื่อว่าเมื่อมีรัฐบาลใหม่ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืนในการคำนึงถึงสุขภาพประชาชนเป็นอันดับแรก

 

ด้าน ดร.เอเดรียนากล่าวว่า ตนขอชื่นชมการดำเนินการของประเทศไทย และพร้อมสนับสนุนให้คงมาตรการห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบ เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนจากการติดนิโคติน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของธุรกิจยาสูบ ในการพยายามล่อลวงให้เด็กและเยาวชนเริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้า ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้เย้ายวน น่าสนใจและกล่าวอ้างว่าเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าบุหรี่ ประเทศไทยควรเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการโฆษณาและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าทางออนไลน์

เข้าชม 10 แชร์ 0
เกาะติดประเด็นสำคัญกดติดตาม "ข่าวสเตชั่น"

ทั่วไทยอื่นๆ