รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศของลิทัวเนีย ภายใต้ข้อตกลงในการดำเนินการประสานงานระดับทวิภาคี เพื่อช่วยทำให้ประเทศลิทัวเนีย สามารถทนต่อแรงกดดันจากจีนได้ หลังจากประเทศลิทัวเนียตัดสินใจพัฒนาความสัมพันธ์กับไต้หวัน ซึ่งทางด้านจีนเรียกร้องให้ลิทัวเนียถอนเอกอัครราชทูตในกรุงปักกิ่ง และกล่าวว่าจะเรียกคืนเอกอัครราชทูตจีนประจำวิลนีอุส การกระทำในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการกระทำเชิงรุกฝ่ายเดียวของจีนที่สร้างแรงกดดันทางการเมืองต่อลิทัวเนีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ในถ้อยแถลงการณ์อีกฉบับหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่ารัฐมนตรีบลิงเคน ได้เน้นย้ำถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของสหรัฐฯ กับพันธมิตร NATO ของเราและหุ้นส่วนสหภาพยุโรปในลิทัวเนีย ในการเผชิญหน้ากับพฤติกรรมบีบบังคับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เต็มไปด้วยความเอาแต่ใจ
ทางด้านจีนถือว่าไต้หวันเป็นเขตปกครองของตนเอง แต่ทางไต้หวันเห็นว่าตนเองเป็นดินแดนอธิปไตย โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้สนับสนุนระดับนานาชาติที่แข็งแกร่งที่สุดของไต้หวัน และเป็นผู้จัดหาอาวุธหลักต่าง ๆ ให้อย่างเต็มที่ รวมทั้งมีการจัดส่งวัคซีนโควิด – 19 ให้อีกด้วย
