การส่งออกจากไทยไปเมียนมาร์ในปีนี้คาดว่าจะสูญเสียระหว่าง 60 ถึง 96.5 พันล้านบาท ระหว่าง 51 ถึง 82% ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศของหอการค้าไทยเปิดเผยผลการวิจัยเกี่ยวกับเศรษฐกิจของเมียนมาร์และความสัมพันธ์กับไทย

ผลการศึกษาพบว่าการรัฐประหารสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับเศรษฐกิจพม่า โดยเริ่มจาก GDP ในไตรมาสนี้ลดลง 2.5% เทียบกับการเติบโต 6.4% ในไตรมาสแรกของปี 2563 มีการสูญเสียตำแหน่งงาน 600,000 ตำแหน่ง เนื่องจากการลงทุนจากต่างประเทศลดลง คนว่างงานจำนวนมากส่งผลต่อรายได้ครัวเรือนลดลง 83% การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศลดลงประมาณ 187.6 พันล้านบาท คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงอีกราว ๆ 203 - 228 พันล้านบาท ลดลงไป 76-85% ขึ้นอยู่กับการปะทะกันของทหารและพลเรือน หลายภาคส่วนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทั้งการขนส่ง น้ำมันและก๊าซ พลังงาน ทรัพย์สิน อุตสาหกรรม และนิคมอุตสาหกรรม การละทิ้งการลงทุนจากต่างชาติคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเมียนมาร์อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนหันไปที่กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย ไทย และเวียดนามแทน

การส่งออกอุตสาหกรรมและผู้บริโภคก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน เนื่องจากยาง น้ำมัน พลาสติก คอมพิวเตอร์ เซรามิกส์ ยา ผ้า เหล็ก และเครื่องจักรล้วนประสบปัญหาด้านอุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ข้าว น้ำตาล น้ำมันพืช กุ้ง เครื่องดื่ม สบู่ เครื่องสำอาง ทีวี และอาหารสัตว์ต่างเผชิญกับความสูญเสียทางเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน

ประเทศไทยได้เห็นการลดลงของการส่งออกไปยังเมียนมาร์ที่กำลังลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปเป็นเวลานานนับสิบปี แต่ในขณะนี้ภาวะวิกฤตและการหยุดชะงักของเศรษฐกิจพม่าทำให้เกิดการล่มสลายที่รุนแรงมากขึ้น ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2019 การส่งออกลดลง 8.8% และปีถัดไปลดลง 13% จากปี 2019 ถึง 2020 ส่วนปีนี้ลดลงไปกว่า 50% เป็นจำนวนเงินที่รุนแรงจากวิกฤตด้านมนุษยธรรมและการปกครองทางทหารที่ทำลายเมียนมาร์

เข้าชม 25 แชร์ 0
เกาะติดประเด็นสำคัญกดติดตาม "ข่าวสเตชั่น"

ข่าวต่างประเทศอื่นๆ