ทั้งสหรัฐฯ และยุโรปต่างกำลังเผชิญหน้ากับความตึงเครียดในสังคม อันเนื่องมาจากการพูดถึงเหตุการณ์การเหยียดสีผิวของประธานาธิบดีฝรั่งเศส มาครง ซึ่งเขาได้ให้สัมภาษณ์กับ Face the Nation ว่าประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสกับสหรัฐฯ นั้นแตกต่างกันมาก โดยสหรัฐฯ มีการแบ่งแยกอย่างชัดเจนเพื่อจัดระเบียบสังคมใหม่ในช่วงทศวรรษที่ 60 ด้วยการดำเนินการเชิงบวกและเดินหน้านโยบายนิวเคลียร์ ซึ่งแตกต่างจากฝรั่งเศสมากเพราะฝรั่งเศสเป็นรัฐอาณานิคม และยังคง เปิดรับผู้อพยพจำนวนมากส่วนใหญ่มาจากแอฟริกา ดังนั้นเพื่อต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติและแก้ไขปัญหาเรื่องเชื้อชาติ มาครงกล่าวว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องขุดลึกไปถึงรากเหง้าของปรากฏการณ์นี้ เพื่อทำความเข้าใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรและต้องหาทางแก้ไขตรงจุดอย่างไร ฝรั่งเศสหลีกเลี่ยงการใช้นโยบายคำนึงถึงเชื้อชาติ ซึ่งแตกต่างจากสหรัฐอเมริกา

แต่ในความเป็นจริงแล้วการแยกหมวดหมู่เชื้อชาติอย่างเป็นทางการ ไม่ค่อยเกิดขึ้นนักในยุโรปส่วนใหญ่ ซึ่งแนวคิดในการรักษาสถิติทางเชื้อชาตินั้นเกี่ยวข้องกับนาซีเยอรมนีมานาน ทำให้ฝรั่งเศสตัดสินใจไม่เก็บรวบรวมสำมะโนประชากร หรือข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ของพลเมือง เพื่อแก้ปัญหาความเสียเปรียบทางชาติพันธุ์ แต่จะใช้เกณฑ์สัญชาติหรือเศรษฐกิจเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมแทน

เข้าชม 43 แชร์ ??
เกาะติดประเด็นสำคัญกดติดตาม "ข่าวสเตชั่น"

ข่าวต่างประเทศอื่นๆ