ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยเรียกความคิดริเริ่มนี้ว่า “โครงการแห่งศตวรรษ” แต่ในการประชุมเมื่อเดือนพฤศจิกายน เขากลับออกมาพูดถึงความซับซ้อนและการควบคุมความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ธนาคารจีนได้ลดการให้กู้ยืมแก่ประเทศที่มีรายได้ต่ำ เงินกู้ยืมจากต่างประเทศของจีนเกือบ 60% ถือโดยประเทศที่ประสบปัญหาทางการเงิน
โดยทาง Weifeng Zhong จาก Mercatus Center ที่มหาวิทยาลัย George Mason กล่าวว่า...“กลยุทธ์นี้เสี่ยงต่อการทำให้เกิดปัญหาหนี้ของประเทศต่าง ๆ ที่ยืดเยื้อมากกว่าที่จะแก้ไข และประเทศจีนกำลังพยายามแก้ไข” โครงการนี้มีอายุย้อนไปเกือบทศวรรษเมื่อจีนมองเห็นโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้นจากการถือเงินสดผ่านการลงทุนในต่างประเทศ ในการเข้ายึดอำนาจในปี 2555 สีจิ้นผิงได้ส่งเสริมแผนดังกล่าว เพื่อขยายอิทธิพลของจีน และสร้างตลาดสำหรับสินค้าจีน
หลังจากการล่มสลายของตลาดหุ้นในปี 2558 จีนใช้ความคิดริเริ่มในการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีอุปทานล้นเกิน เช่น...เหล็กและสิ่งทอ ในขณะที่สหรัฐฯ ให้เงินสนับสนุนโครงการพัฒนาในต่างประเทศเกือบทั้งหมดด้วยความช่วยเหลือ จีนทำตัวเหมือนนายธนาคารมากกว่า จีนได้ส่งมอบเงินกู้และกองทุนอื่น ๆ ประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ให้แก่เกือบ 150 ประเทศ เช่น เอกวาดอร์และแองโกลา ทำให้กลายเป็นเจ้าหนี้ทางการรายใหญ่ที่สุดของโลก