ตามรายงานของสื่ออินเดียทูเดย์ในวันที่ 18 มิถุนายน เกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับคลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นในสองรัฐทางตอนเหนือของอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน ถึงวันที่ 17 มิถุนายน มีผู้เสียชีวิตเกือบร้อยคนและมีผู้เข้ารับการรักษาทางการแพทย์อย่างน้อย 400 คนในสองรัฐนี้ นอกจากนี้ พบว่ามีอุณหภูมิสูงเกิน 44 องศาเซลเซียสในอย่างน้อย 11 เขตในรัฐพิหารและรัฐอุตตรประเทศ โดยเมืองปัตนาในรัฐพิหารบันทึกอุณหภูมิสูงสุดที่ 44.7 องศาเซลเซียส และเขตเชคูปุรา (Sheikhpura district) ในรัฐเดียวกันบันทึกอุณหภูมิสูงสุดที่ 45.1 องศาเซลเซียส จากสภาพอากาศร้อนจัดที่เกิดขึ้นจากคลื่นความร้อนฮีทเวฟ
เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัด โรงเรียนในเมืองปัตนาได้ประกาศปิดให้กับนักเรียนตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน เพื่อรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ ในรัฐพิหาร กำหนดให้เขตอื่น ๆ ปิดการเรียนการสอนเช่นกัน
ในรัฐอุตตรประเทศมีผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนทั้งหมด 54 ราย และในรัฐพิหารมีผู้เสียชีวิตอีก 44 รายในช่วง 3 วันนี้ นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาทางการแพทย์อีกมากไม่ต่ำกว่า 400 คน ที่มีอาการป่วยเกี่ยวกับอากาศร้อน เช่น ไข้, ปัญหาทางเดินหายใจ และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ผู้นำทางด้านการแพทย์ในเขตบัลเลียในรัฐอุตตรประเทศ หมอแพทย์จายานต์ กุมาร์ (Dr. Jayant Kumar) ได้เผยแพร่ว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอายุไม่ต่ำกว่า 60 ปีและมีสภาพอากาศร้อนจัดเป็นส่วนมาก ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้เข้ารับการรักษาเนื่องจากอาการที่แย่ลงเนื่องจากสภาพอากาศร้อน
สื่ออินเดียยังรายงานว่ามีการระดมเครื่องปรับอากาศและเครื่องปรับอากาศเพื่อช่วยให้โรงพยาบาลสามารถป้องกันผู้ป่วยและผู้ที่มาพบปัญหาจากความร้อนได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการนำพัดลมและแทงก์คูลเลอร์ไปยังโรงพยาบาลในรัฐเพื่อช่วยลดความร้อนสำหรับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์