คำปราศรัยดังกล่าวดูเหมือนจะเปลี่ยนจากการพยายามกำจัดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย โดยควบคุมการแพร่กระจายและฉีดวัคซีนให้ประชากร และสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงกับความจำเป็นในการก้าวไปข้างหน้า
“เราต้องตกลงกันว่าโควิด-19 จะยังคงมีอยู่ทั่วโลกและในประเทศไทยไปอีกระยะหนึ่ง เราไม่สามารถรอเวลาที่ทุกคนฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มได้ เพื่อเปิดประเทศหรือเมื่อโลกปลอดจากไวรัส เราต้องพร้อมที่จะใช้ชีวิตด้วยความเสี่ยงด้วยการพยายามจัดการให้ได้ และปล่อยให้คนกลับไปหาเลี้ยงชีพได้” พล.อ.ประยุทธ์ ชื่นชมความก้าวหน้าในการจัดหา การผลิต และจำหน่ายวัคซีนให้กับประชาชน เน้นการเจรจากับซัพพลายเออร์ 6 ราย ได้แก่ Sinovac, AstraZeneca, Sinopharm, Johnson & Johnson, Moderna และ Pfizer พร้อมทำสัญญารับวัคซีน 105.5 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ เขาประกาศแผนการที่จะเริ่มฉีดวัคซีน 10 ล้านคนต่อเดือนในเดือนกรกฎาคม โดยมีเป้าหมาย 50 ล้านคนที่ฉีดวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็มภายในเดือนตุลาคม และวางแผนที่จะสะสมวัคซีนอย่างต่อเนื่องในปีหน้า ที่น่าสนใจคือ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปัญหาการขาดแคลนวัคซีนเท่านั้น โดยกล่าวว่าประเทศอื่น ๆ ได้แสดงให้เห็นว่าผู้ผลิตไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีการส่งมอบเสมอไป และประเทศไทยจะต้องจัดการกับเหตุการณ์นี้
หลังหารือเรื่องวัคซีน นายกฯ ประยุทธ์ทิ้งข่าวใหญ่ที่สุด การต่อสู้ของประเทศต้องบรรเทาลงด้วยการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบภายใน 120 วัน เขาชี้ว่า “ข้อจำกัดที่ไม่สะดวก” และการกักตัวต้องถูกยกเลิกอย่างสมบูรณ์สำหรับผู้เดินทางระหว่างประเทศที่ได้รับวัคซีน และคนไทยควรจะสามารถเดินทางภายในประเทศและกลับบ้านจากต่างประเทศได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องกักตัว