รัฐบาลได้ออกมาปกป้องนโยบายสุราของตนตามประกาศในกฤษฎีกา ซึ่งมีผลใช้บังคับในวันนี้ โดยออกมายืนยันว่าสิ่งนี้จะเป็นสาธารณประโยชน์ และไม่ได้มีเจตนาที่จะทำผิดต่อฝ่ายค้านตามข้อกล่าวหา
สาระสำคัญของพระราชกฤษฎีกาคือ การอนุญาตให้บุคคล (ประชาชน) ผลิตสุราสำหรับการบริโภคในครัวเรือน และเพื่อการค้าหากต้องการ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม การเข้าถึงตลาดที่เท่าเทียมกัน และปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภคด้วยการทำให้มั่นใจว่า การผลิตภัณฑ์สุราจะได้มาตรฐาน พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจะคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่น เพิ่มโอกาสในการทำงานในชุมชน และจะทำให้รัฐสามารถเก็บภาษีจากผู้ผลิตได้ โดยบุคคลที่ต้องการจัดตั้งวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อผลิตสุราหรือเบียร์ ไม่จำเป็นต้องมีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 10 ล้านบาท และความต้องการกำลังการผลิตจาก 0.1 ล้านลิตรเป็น 1 ล้านอีกต่อไป ยกลิตรต่อปี
อย่างไรก็ตามทาง SMEs จำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และเครื่องจักรในการผลิตต้องเป็นไปตามข้อกำหนดที่กำหนดโดยกรมสรรพสามิต ไม่มีการจำกัดทุนจดทะเบียนหรือความสามารถในการผลิตสำหรับผู้ผลิตขนาดใหญ่เช่นกัน แต่ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับการพิมพ์ฉลากแสดงจำนวนภาษี