เมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมียนมาร์ กลายเป็นเขตสู้รบโดยมีการเผาเครื่องกีดขวาง และกองกำลังความมั่นคงรัฐบาลทหารยิงใส่ผู้ประท้วงที่เดินประท้วงแบบปราศจากอาวุธ รัฐบาลทหารใช้กำลังหนักขึ้น ๆ มากทุกที เพื่อปราบปรามการประท้วงโดยมีรายงานว่าผู้ประท้วงมากกว่า 200 คนถูกสังหารในการปราบปรามนี้ ผู้อยู่อาศัยในเมืองเมียนมาร์ส่วนใหญ่เป็นแรงงานข้ามชาติ มีเสียงปืนดังขึ้นตลอดทั้งคืน ประชาชนต่างมีความกังวลในยามเดินบนถนน เพราะกลัวว่าจะตกเป็นเป้าของกองกำลังรักษาความปลอดภัย ประชาชนที่ออกไปประท้วงต่างสวมหมวกแข็งป้องกันศีรษะ, หน้ากากป้องกันแก๊สพิษ และถือโล่ ผู้ประท้วงยังได้สร้างเครื่องกีดขวางที่ทำจากยาง, ไม้, กระสอบทราย และเสาไม้ไผ่ เครื่องกีดขวางเหล่านั้นบางส่วนถูกเผา ทำให้เกิดควันดำหนาทึบลอยขึ้นเหนือถนนซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่รกร้างว่างเปล่า
ในเมืองมัณฑะเลย์ที่เป็นเมืองขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศพระสงฆ์เดินขบวนเคียงข้างผู้ชุมนุม ที่ถือธงสีแดงของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อทวงประชาธิปไตยกลับคืนมา
