มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยกล่าวว่าการระบาดรอบล่าสุดสามารถลดจำนวนคนงานลงได้ 149,000 คนต่อเดือน โดยส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมบริการและภาคการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับความเสียหายจากการระบาดของโรคโควิด
มหาวิทยาลัยคาดว่าการระบาดรอบใหม่จะควบคุมได้ภายใน 2-3 เดือนเหมือนการระบาดครั้งก่อน แต่กล่าวว่ามีแนวโน้มที่จะลดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ลง 1.2% เหลือ 1.8% อธิการบดีมหาวิทยาลัย ธนวัฒน์ พลวิชัย กล่าวบรรยายสรุป “หากจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจทำให้เศรษฐกิจเติบโต 1.2% เป็น 1.6% ในปีนี้” ธนวัฒน์กล่าวและเสริมว่าการคาดการณ์ของมหาวิทยาลัยในปัจจุบันคือการเติบโต 2.8% ระดับหนี้ครัวเรือนอาจเพิ่มขึ้นเป็น 92% ของ GDP ในปีนี้เนื่องจากการระบาดของโรคได้ตัดรายได้และการจ้างงาน หนี้ดังกล่าวพุ่งสูงถึง 89.3% ของ GDP ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกเมื่อปลายปี 2563 เมื่อเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประสบปัญหาตกต่ำที่สุดในรอบสองทศวรรษเนื่องจากการแพร่ระบาด
ขณะเดียวกัน บล. เอเซียพลัสคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 2.6% ในปีนี้ และกล่าวว่าการระบาดครั้งนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมากเท่าที่กลัวในปี 2563 ความกังวลหลักอื่น ๆ คือวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เพิ่มขึ้นในเมียนมาร์ ซึ่งนักวิเคราะห์กลัวว่าจะทะลักข้ามพรมแดนความยาว 2,400 กม. ของไทย