ในอนาคตหลังจากสิ้นสุดมาตรการฟ้า - ส้มของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ถูกนำเสนอขณะวิกฤติโควิด -19 มีแนวโน้มที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จะยังคงมีการเคลื่อนไหวแต่จะไม่เกิดปัญหา NPL cliff ที่รวมถึงการเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ นอกจากนี้ ธปท.มีการแก้ไขปัญหาเอ็นพีแอลอย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างการเตรียมตัวในการออกมาตรการเพิ่มเติมภายใต้หลักการของการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (responsible lending) ซึ่งมีกำหนดให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เพื่อปรับพฤติกรรมของผู้ให้สินเชื่อและผู้กู้ที่มีหนี้ในตลอดวงจรหนี้
นอกจากนี้ ยังมีแนวทางช่วยกลุ่มลูกหนี้ที่อยู่ในสภาพ persistent debt คือ กลุ่มลูกหนี้ที่จ่ายดอกเบี้ยสะสมมากกว่าเงินต้นเป็นเวลา 5 ปี โดยจะมีมาตรการที่จะให้เจ้าหนี้แปลงหนี้จากสินเชื่อหมุนเวียน (revolving) เป็นสินเชื่อผ่อนชำระเป็นรายงวด (term loan) และคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า 15% โดยเน้นเป้าหมายให้เป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อย มีมาตรการนี้เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 หลังจากที่ธปท.ออก consultation paper ในไตรมาส 3 ของปีนี้
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของหนี้เสียยังคงอยู่ในทิศทางที่ขยับเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่เชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหา NPL cliff อย่างรุนแรงเช่นที่เกิดขึ้นในสึนามิ นอกจากนี้ หากพิจารณาดูสถานะการกู้ยังคงคงตั้งใจอยู่เป็นพิเศษ (SM) โอกาสในการเกิดปัญหาหนี้เสียหรือ migration rate จะลดลง เช่น สินเชื่อรถยนต์อาจมีสัญญาณลดลงเหลือเพียง 12% สินเชื่อบ้านอาจลดลงเหลือ 22% สินเชื่อบัตรเครดิตอาจลดลงเหลือ 57% และสินเชื่อส่วนบุคคลอาจลดลงเหลือ 54% โดยเฉพาะสินเชื่อที่มีโอกาสกลับมาเป็นหนี้ปกติก็มีสัญญาณที่จะเพิ่มมากขึ้น เช่น สินเชื่อบ้านมีโอกาสกลับมาเป็นหนี้ดีถึง 30% ในอนาคตนี้