เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ซึ่งนางสาววิรันตรี อายุ 36 ปี แม่ของผู้เสียหาย ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า คืนวันเกิดเหตุ ตนเองไปงานวันเกิดเพื่อน เมื่อกลับมาที่บ้านเห็นประตูห้องลูกสาวเปิดอยู่ ด้วยความสงสัยเข้าไปดู เห็นลูกสาวอยู่ในห้อง และมีโทรศัพท์ตกอยู่ 1 เครื่อง และมีสายเข้ามา จึงรับสายพบว่าเป็นนางอ้อม อายุ 30 ปี น้องสาว โทรมาหานายมงคลซึ่งเป็นสามี และเห็นนายมงคลแอบซ่อนตัวอยู่ที่ราวตากผ้า จากนั้นก็วิ่งหนีออกจากห้องไปทางหลังบ้าน จึงได้สอบถามลูกสาวแต่ลูกสาวไม่ยอมบอกจึงได้แค้นลูกสาวจนรับสารภาพว่าน้าเขยเข้ามาข่มขืนลูกสาวนานกว่าปีแล้ว และครั้งสุดท้ายบังคับให้เสพยาบ้าด้วย โดยที่มีบ้านอยู่ห่างกันเพียง 10 เมตร จึงพาลูกสาวเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเชียงคานทันที เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน
ขณะที่ นางสาวฟ้า (นามสมมุติ) เล่าว่า ถูกน้าเขยเข้ามาข่มขืนตอนแม่ไม่อยู่ ตลอดเวลากว่า 1 ปี และทุกครั้งก็ขู่ว่าไปบอกใครจะฆ่าให้ตาย จึงกลัวไม่กล้าบอกใคร จนครั้งสุดท้ายเมื่อกลางดึกวันที่ 19 พ.ย.64 น้าเขยก็เข้ามาข่มขืนและขู่ฆ่า และบังคับให้เสพยาบ้าใส่ในฟอยล์แล้วเอาเทียนลนสูดยาบ้าเข้าไป 5 เม็ด จนที่บ้านมาทราบเรื่อง จึงบอกความจริง ตอนนี้รู้สึกกลัวมาก เพราะน้าเขยยังไม่โดนตำรวจจับกุมตัว ตนเองและแม่ต้องไปอาศัยบ้านญาติที่อยู่ห่างจากบ้านร่วม 10 กิโลเมตร เพื่อความปลอดภัย
ด้านนางอ้อม ภรรยาน้าเขย ที่ เล่าว่า ตนเองเพิ่งทราบความจริง ว่าสามีเข้าไปข่มขืนหลานสาว เพราะวันที่เกิดเหตุ สามีบอกว่าจะไปกินเหล้าที่บ้านเพื่อน จึงโทรเข้าเครื่องมือถือ แต่เสียงดังมาจากห้องนอนของหลานสาว ถามสามีว่าไปทำอะไรก็ไม่บอก จึงเข้าไปในบ้านดูไม่พบสามี แต่พบหลานสาวอยู่ในห้องน้ำ จนสามีมารับสารภาพว่าเข้าไปข่มขืนและให้เสพยาบ้า ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน และรอทีมสหวิชาชีพมาสอบปากคำเด็ก และรอผลการตรวจร่างกายของโรงพยาบาล จากนั้นก็จะเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา ถ้าไม่มาจะออกหมายจับ คดีนี้ทาง พงส.เร่งรัดทำคดีให้อยู่ ไม่นิ่งนอนใจ และให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย