ผู้เสียหาย คือ น.ส. เอ ให้การว่า เดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา มีปัญหาในครอบครัวทะเลาะกับพ่อ จึงไปขออาศัยอยู่กับรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง ในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง รุ่นพี่คนดังกล่าวก็เลยพาไปแนะนำให้รู้จักกับเฮียเจ้าของรีสอร์ต แต่พอตนไปอยู่ด้วยประมาณ 2 สัปดาห์ รุ่นพี่คนดังกล่าวก็มีแฟน แล้วก็ออกไปอยู่กับแฟน ปล่อยให้ตนอยู่ห้องคนเดียว หลังจากนั้นประมาณ 2 - 3 วัน ที่รุ่นพี่ไม่อยู่ห้องเฮียเจ้าของรีสอร์ตก็เรียกให้เข้าไปหา 

โดยเฮียถามว่าสนใจมาดูแลเฮียไหม ซึ่งตนเข้าใจว่าที่เฮียบอกจะให้ไปดูแลคือการไปหุงข้าว ล้างจาน ทำความสะอาดบ้าน หรือไปบีบนวดให้ จึงตอบไปว่าขอคิดดูก่อน แต่ก็ไม่ได้ไปตามที่เฮียชักชวน กระทั่งได้กลับไปอยู่ที่บ้าน ต่อมาช่วงเดือนธันวาคม 2564 ย่าอายุ 70 ปี ก็ล้มป่วยต้องผ่าตัด ตนจึงตัดสินใจ โทรไปขอยืมเฮียเจ้าของรีสอร์ต ซึ่งเฮียก็บอกให้เข้าไปหาเพื่อให้เซ็นสัญญากู้ยืม ตนจึงมีเงิน จำนวน 6,300 บาทไปจ่ายค่ารักษาย่า ก่อนที่จะใช้กลลวง พยายามจะข่มขืนตน ตนจึงหนีออกออกมาจากรีสอร์ต เฮียคนดังกล่าวได้พยายามโทรมาข่มขู่ และให้ทำงานใช้หนี บังคับให้ขายบริการแขกที่มาพัก ตนทนไม่ไหวจึงนำเรื่องมาบอกแม่บุญธรรม จนนำมาสู่การเข้าขอความช่วยเหลือจากสื่อด้าน แม่บุญธรรม ให้การว่า จากสิ่งที่เด็กเล่าบอกถือเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากสำหรับเด็กคนหนึ่ง ทั้งยังขู่ว่ารู้จักตำรวจทั้งโรงพัก ตนจึงไม่กล้าพาเด็กไปแจ้งความ เพราะล่าสุดได้ นำเรื่องออกมาร้องผ่านสื่อเพราะต้องการให้มูลนิธิฯ หรือหน่วยงานที่สามารถช่วยเหลือเด็กได้ วอนให้ เข้ามาช่วยเหลือน้องด้วย

เข้าชม 11 แชร์ 0
เกาะติดประเด็นสำคัญกดติดตาม "ข่าวสเตชั่น"

สังคมอื่นๆ