เหตุการณ์เกิดขึ้น เมื่อคืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผู้เสียหาย เผยว่า หลังเข้ากักตัวเพื่อรักษาอาการป่วยโควิด-19 ที่โรงพยาบาลสนามโพสะ ตำบลโพสะ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ก่อนจะถูกชายซึ่งเข้ามารักษาเช่นเดียวกันลวนลาม และพยายามข่มขืนหลายครั้ง แต่ดีที่ทางนักเรียนหญิงคนดังกล่าวแจ้งเพื่อนที่มารักษาตัวด้วยกัน ให้ช่วยจับตาดูแลจนรอดมาได้
ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังอีกว่า ตนพร้อมเพื่อนอีก 10 คน ตรวจพบเชื้อโควิด-19 และเข้ารับการกักตัวที่โรงพยาบาลสนามแห่งนี้เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา โดยพักอยู่ชั้นล่างซึ่งไม่มีการแบ่งโซนผู้ชายหรือหญิง หลังจากนั้นมาไม่กี่วันมีผู้ป่วยรายหนึ่ง ชื่อ นาย ต. อายุ 18 ปีเข้ามากักตัวที่นี่ โดยนอนอยู่เตียงตรงกันข้าม ซึ่งหลังจากเข้ามาก็เริ่มมีการจ้องมองและพูดจา ลักษณะเชิงชู้สาว ซึ่งตนก็ไม่ได้สนใจ แต่หลังจากนั้นนาย ต. ก็คอยตามตนตลอด ไม่ว่าจะไปไหน และพยายามลวนลามตนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเหตุการณ์ที่ นาย ต. ลวนลามตนเกิดขึ้นหลายครั้ง ที่หนัก ๆ คือภายในห้องน้ำ ตนเดินไปล้างหน้าแต่ต้องเดินผ่านเตียงอื่นๆ ซึ่งมีทั้งเตียงผู้หญิงและผู้ชายไป นาย ต.ได้ตามตนเข้าไปแล้วล็อกประตู พยายามจะเข้ามาลวนลามตน แต่ตนก็ผลักและหนีออกจากห้องมาได้
หลังสุดเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณเที่ยงคืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะที่ทุกคนกำลังเข้านอนหมดแล้ว นาย ต.ได้เดินมาเปิดมุ้งตน และพยายามเข้ามาในมุ้ง ลูบแขน ลูบขา และพยายามผลักตนให้นอนลง ซึ่งเตียงข้างๆ ที่เป็นเพื่อนตนเห็นเข้า จึงช่วยกันดึงตนออกมา ทำให้นาย ต.ไม่พอใจเดินออกไปพร้อมทั้งเตะพัดลมจนแตกเสียหาย ตนรู้สึกกลัวมาก จึงปรึกษาเพื่อนๆ และญาติๆ ซึ่งก็ทำได้แต่เพียงช่วยเหลือดูแลกัน จนกว่าจะพ้นกำหนดรักษาตัว
เมื่อเดินทางกับบ้านและเล่าเรื่องดังกล่าวให้กับผู้ปกครองและครูทราบ ก็ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอ่างทองไว้เป็นหลักฐาน และเข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรม ให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้โรงพยาบาลสนามแห่งนี้ไม่มีการแยกโซนหญิงชาย โดยนอนพักปะปนรวมกันหมด ทำให้ต้องระมัดระวังตน รวมถึงไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล แม้จะมีไลน์ของเจ้าหน้าที่ แต่ตนเคยปวดท้องก็พิมพ์ข้อความไปขอยา แต่กว่าจะมีคนอ่านและนำยามาให้ ก็ผ่านไปถึง 2 วัน จึงอยากให้มีการปรับปรุง หากตนไม่มีเพื่อนที่คอยดูแล หากถูกทำร้ายหรือถูกข่มขืนไป ก็คงไม่สามารถเอากลับคืนมาได้
เหตุการณ์นี้ ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังโรงพยาบาลสนามดังกล่าว พบว่าบริเวณด้านหน้า มีเจ้าหน้าที่พยาบาล และฝ่ายปกครองอยู่เฝ้าประจำ แต่ไม่อนุญาตให้เข้าไปข้างในได้ จากการตรวจสอบพบว่า ทั้งชั้นล่างและชั้นบน มีผู้ป่วยทั้งหญิงและชายเดินขึ้นลง โดยไม่ได้มีการแบ่งโซนตามเพศผู้ป่วย อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุดังกล่าว
