กรณีแม่กักตัวลูกสาวอายุ 22 ปีไว้ในบ้านพัก ม.2 ต.ทุ่งหลวง อ.ละแม จ.ชุมพร ก่อนที่ลูกสาวจะกินยาฆ่าตัวตายนั้น ล่าสุดนักสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติการ และ เจ้าหน้าที่ ป้องกันการกระทำความรุนแรงในครอบครัว(ศปก.) นักสังคมสงเคราะห์ บ้านพักเด็กและครอบครัว ได้ลงติดตามกรณีสื่อเฟซบุ๊กเพจอีจันเสนอดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ จึงได้เชิญเพื่อนของ น.ส.เอ ซึ่งเป็นคนที่ น.ส.เอ โทรหาและมาช่วยนำส่ง รพ.มาสอบถาม ทำให้ทราบว่าก่อนเกิดเหตุ น.ส.เอ ได้ส่งข้อความมาหา โดยเนื้อหาระบุในลักษณะสั่งเสีย เนื่องจากที่ผ่านมา ถูกมารดาบังคับให้แต่งงานกับชายที่มารดาเชื่อว่าหากแต่งงานกัน จะทำให้พ้นเคราะห์ ตนจึงได้ชวนกันมาดูและไปพบ น.ส.เอ นอนหมดสติ อยู่ในห้อง จึงได้ช่วยกัน นำตัวส่ง รพ.
ขณะที่ นางอร ผู้เป็นแม่ ให้การว่า ตนเองไม่ได้กักขังลูกสาว แต่ที่ห้ามปราม ไม่ให้ ออกจากบ้านเพราะหวังดี ไม่อยากให้ลูกสาวไปคบกับเพื่อน เพราะอาจจะไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และลูกสาว ได้รับปากว่าจะแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งทางผู้ใหญ่ทั้งสองก็รับทราบและได้กำหนดที่จะแต่งงานกันในที่ไว้แล้ว
นางอร กล่าวต่อว่า กี่ครั้งแล้วที่ตนต้องเจ็บช้ำน้ำใจกับลูกคนนี้ ตั้งแต่เรียนอยู่ ม.ต้น สามปีสามโรงเรียน และไปต่อ ม.ปลาย ก็เรียนไม่จบ ต้องออกกลางคัน ตนเองหวังดีกับลูกทุกอย่าง ลูกผิดก็ต้องให้อภัย และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น