ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณหลังอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าวกับทาง นางทนงกร อายุ 58 ปี ภรรยาของนายจักรพงศ์ ปรากฏว่าเป็นหนังคนละม้วน เรื่องราวทั้งหมดไม่เป็นความจริง นางทนงกร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนอยู่กินกันมาตั้งแต่ปี 61 เมื่อวานนายจักรพงศ์เขาเมาพอเมาก็จะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาเมา จะขาดสติแบบไม่ยั้งคิด วันนั้นถ้าช่วยไม่ทันก็คงตายไปแล้วที่บนสะพานเหมือนกัน เคยจะกระโดดมาแล้ว โดย ก่อนเกิดเหตุนั่งอยู่ด้วยกัน ตรงหน้าบ้าน สักพักเขาก็เดินออกไป แล้วก็ไปโดดสะพานไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลย นั่งคุยกับน้องอีกคนนึง เขากินเหล้าขาวตนก็กินเหมือนกัน แต่งงมากอยู่ดี ๆ มีข่าวมาโจมตีตนทำไม เมื่อก่อนไม่มีตังค์สักบาทไม่มีที่ซุกหัวนอนตนไปดึงออกมา หมดเงินกับเขาไปมาก ทำพฤติกรรมแบบนี้ประจำ
วันก่อนไปเมเจอร์ปากเกร็ด จะเดินให้รถชน ตนก็ดึงแขนไว้ถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ตนตามจนเหนื่อย เวลาเมาชอบด่าคำหยาบมีปากมีเสียงทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เขาเคยทำร้ายร่างกายตนมาก่อน ตอนนี้ยังเจ็บหน้าอกอยู่ แต่พอสร่างเมากลายเป็นคนละคน มาบอกขอโทษแล้วจะไม่ทำอีก พอเมาก็เหมือนเดิม เขาร้องเพลงเปิดหมวก ตอนแรกเขาร้องไม่เป็นตนเลยสอนให้เขาร้องเพลง แล้วพาไปทำบัตรให้เป็นทางการ เป็นบัตรแสดงความสามารถ ที่บอกว่าตนไปนั่งรอสตางค์ ไม่เป็นความจริงที่ไปเพราะว่าต้องไปดูเขา ถ้าปล่อยไปคนเดียว 4-5 วันเขาถึงจะกลับมา คนต้องไปตามหา บางครั้งก็เก็บเสื้อผ้าหนีไป หนีไปประมาณ 20 ครั้งหนสุดท้ายก็กลับมา บางครั้งหายไปนานตนต้องนั่งร้องไห้ ตามหาไม่เจอตนไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมเขาต้องเป็นข่าว ทำไมหากินแบบนี้ ตนเป็นโรคหัวใจ ทำงานไม่ได้บางครั้งก็หน้ามืดเวียนหัวมองอะไรไม่เห็น จนลูกสาวบอกว่าให้อยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ให้ทำอะไร