โดยเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุและสอบสวนพยานแวดล้อมเพิ่มเติม และนำตัวชายต้องสงสัยไปสอบสวน โดยหลักฐานทางกายภาพนั้นค่อนข้างชัดเจนแล้วกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้เป็นคนฆ่าน้องฟิสตรี รอเพียงผลตรวจดีเอ็นเอมามัดตัวเท่านั้น ในขณะที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จะส่งวัตถุพยานที่พบในจุดเกิดเหตุไปตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ในวันนี้ โดยหนึ่งในหลักฐานสำคัญในคดีนี้คือกุญแจที่ล็อกห้องที่พบศพน้องฟิสตรี ตรงกับลูกกุญแจที่อยู่ในห้องพักของผู้ต้องสงสัยซึ่งไขออกได้พอดี นอกจากนี้ยังพบเศษชิ้นเนื้อในซอกเล็บของผู้ต้องสงสัยรายนี้ด้วย แต่ผู้ต้องสงสัยยังคงถูกควบคุมตัว และให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนทำ แต่ออกอาการไม่อยู่กับร่องกับรอย แต่เมื่อตำรวจลองพูดถึงเรื่องผีเด็กก็ออกอาการตกใจทุกครั้ง แต่เมื่อถามว่าเป็นคนทำหรือไม่ก็พูดเฉไฉไปเรื่องอื่นทันที
และจากการสอบถามผู้ต้องสงสัยรายนี้บอกว่าเคยถูกจับกุมคดีกัญชาและติดคุกมาแล้ว 2 ครั้ง และอ้างว่ามีอาการป่วยทางจิตต้องรับยาจากโรงพยาบาลสงขลาด้วย นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมชอบลักเล็กขโมยน้อย มีชาวบ้านแจ้งความไว้หลายคดี
ทั้งนี้ ในส่วนของการดำเนินคดีมีรายงานว่าแม้ว่าผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่พนักงานก็สามารถแจ้งข้อหาดำเนินคดีได้ทันทีเนื่องจากมีวัตถุพยานหลักฐานชัดเจนที่เชื่อได้ว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง
ส่วนบรรยากาศภายในห้องพักของน้องฟิสตรีซึ่งอยู่ที่แฟลต 5 ชั้น 1 ทั้งพ่อและแม่ยังอยู่ในอาการเสียใจอย่างหนัก มีเพื่อนบ้านมาคอยให้กำลังใจ และยังมีลูกสาวอายุ 9 เดือนอีก 1 คนที่ต้องดูแลด้วย
ด้าน นายบุญมี และนางอัสมัส พ่อและแม่ของน้องฟิสตรี บอกทั้งน้ำตาว่ายังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียลูกชาย เพราะเป็นเด็กดีไม่ดื้อ ใช้ง่าย และไม่เคยทุบตีลูกแม้แต่ครั้งเดียว โดยเฉพาะนายบุญมี ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงที่อยู่กับน้องฟิสตรีมา 3 ปี ก็รักและดูแลเหมือนกับลูกแท้ ๆ และต้องการให้ดำเนินคดีกับคนร้ายให้ได้รับโทษสูงสุด โดยตอนนี้น้องฟิสตรีกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.1 ขณะที่เพื่อนบ้านที่มานอนที่ห้องเป็นเพื่อนบอกว่าเมื่อคืนนี้ได้มานอนบนเบาะตรงที่น้องฟิสตรีนอนเป็นประจำ ตอนประมาณตี 5 กว่า ๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่นก็ได้ยินเสียงน้องมาบอกว่าร้อนและอึดอัด
