ผู้รายงานพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติในเมียนมาร์ได้ออกคำเตือน เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของประเทศพังทลายลง ท่ามกลางความโกลาหลของผู้ประท้วงและผู้ก่อความไม่สงบที่ปะทะกับรัฐบาลเผด็จการทหารที่พยายามจะควบคุมประเทศ
การต่อสู้ระหว่างผู้ประท้วงกับรัฐบาลเผด็จการในเมือง รวมถึงการสู้รบในชนบทระหว่างกลุ่มกบฏและกองทัพ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศแทบหยุดนิ่ง การตอบโต้ของทหารที่โหดร้ายในเมียนมาร์ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 800 ราย และการประท้วงได้ปิดกิจการธุรกิจต่าง ๆ แม้กระทั่งแพทย์ที่เข้าร่วมการประท้วงด้วย ขณะที่โรงพยาบาลของรัฐเกือบทั้งหมดปิดตัวลง บางคนประมาณการว่ากลัวว่าคนครึ่งประเทศจะตกอยู่ในความยากจน เนื่องจากตำรวจและทหารสังหารผู้เห็นต่างจำนวนมาก ชาวบ้านจึงจัดตั้งกองกำลังป้องกัน เช่นเดียวกับผู้นำรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติที่ถูกขับออกไป ตามแนวชายแดนไทย ความรุนแรงได้ปะทุขึ้นในรัฐกะยา เนื่องจากข้อกล่าวหาของกองทัพที่ยิงใส่พลเรือนและหมู่บ้านต่าง ๆ
ชาวบ้านพยายามป้องกันตัวเองจากกองกำลังทหารที่โหดร้าย โดยการเปิดโรงงานง่าย ๆ เพื่อทำปืน การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป และความพยายามของอาเซียนในการกดดันรัฐบาลทหารจนถึงขณะนี้มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย การประชุมสุดยอดอาเซียนได้เรียกร้องให้มีการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แต่การมาเยือนของทูตและความช่วยเหลือจากต่างประเทศยังไม่เกิดขึ้นจริง
องค์การสหประชาชาติประมาณการว่ามีผู้อพยพประมาณ 100,000 คนสูญเสียบ้านเรือน ผู้พลัดถิ่นเข้าถึงอาหาร น้ำ และยาลดลง สหประชาชาติเตือนว่าหากไม่มีการดำเนินการในทันที ชาวเมียนมาร์กำลังเผชิญกับการเสียชีวิตจำนวนมากจากโรคภัยและความอดอยาก