มีรายงานว่าในประเทศเมียนมีคนหนุ่มสาวที่มองหางานในต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากพวกเขาไม่พอใจกับรัฐบาลทหารที่ครองอำนาจอยู่ในปัจจุบัน ในขณะที่รัฐบาลก็ต้องการเงินตราต่างประเทศ การต้องการนี้ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายมีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างสองเสียงกันไปในเวทีโลก
ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน รัฐบาลทหารได้ประกาศเตือนว่าจะเพิกถอนใบอนุญาตของบริษัทที่เป็นตัวแทนในการจัดส่งแรงงานไปต่างประเทศ หากบริษัทไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำกับรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานในต่างประเทศ การเคลื่อนไหวนี้อาจแสดงให้เห็นถึงว่า รัฐบาลทหารมีแผนการที่จะส่งเสริมการจัดส่งแรงงานไปต่างประเทศในทางที่ถูกกฎหมาย ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลก็กำลังตัดสินใจดำเนินการเพื่อกำจัดบริษัทที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบดังกล่าว
อีกทั้ง รัฐบาลทหารยังได้กำหนดกฎระเบียบที่ช่วยให้แรงงานเมียนมาในต่างประเทศสามารถส่งเงินกลับประเทศได้ ในอดีตธนาคารกลางเมียนมีการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราอย่างเป็นทางการแบบคงที่สำหรับเงินบาทเมียนมา แต่ในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม 2565 ได้มีการประกาศออกมาว่าเงินที่แรงงานเมียนมาส่งกลับประเทศจะได้รับการยกเว้นจากกฎระเบียบดังกล่าว โดยแรงงานที่มีในต่างประเทศสามารถส่งเงินกลับประเทศในอัตราแลกเปลี่ยนที่ปิดตลาดประมาณ 2,850 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเปรียบเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนที่ประกาศโดยธนาคารกลางที่อยู่ที่ 2,100 บาทต่อดอลลาร์
จากการเผยแพร่ข้อมูลอย่างเป็นทางการ ประเทศเมียนได้รายงานว่ายอดการส่งเงินกลับประเทศทางช่องทางอย่างเป็นทางการของแรงงานเมียนมาในต่างประเทศ รวมถึงธนาคาร ได้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลา 6 เดือนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ถึงเมษายน 2566