ผู้ประท้วงต่อต้านเผด็จการทหารแสดงออกด้วยการสวมชุดดำ เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชาวโรฮิงญา ชนกลุ่มน้อยที่ถูกกดขี่ข่มเหงมากที่สุดในประเทศ นับตั้งแต่ที่ทหารมีการขับไล่นางอองซานซูจีจากอำนาจในการรัฐประหาร ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ ได้เรียกร้องให้นำประเทศกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย รวมถึงการต่อสู้เพื่อสิทธิของชนกลุ่มน้อยอีกด้วย ชาวโรฮิงญาส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ซึ่งหลาย ๆ คนในเมียนมาร์มองว่าเป็นผู้บุกรุกจากบังกลาเทศมานาน ทั้งถูกปฏิเสธการเป็นพลเมือง, สิทธิ, การเข้าถึงบริการ และเสรีภาพในการเคลื่อนไหวมานานหลายทศวรร ย้อนไปในปี 2017 พบการนองเลือดโดยทหารในฝั่งตะวันตกของเมียนมาร์ ได้ส่งชาวโรฮิงญาราว 740,000 คนหลบหนีข้ามพรมแดนไปยังบังกลาเทศ จนกระทั่งพบการข่มขืน, การสังหารหมู่ และการลอบวางเพลิง
ฝ่ายทหารกล่าวอ้างมานานแล้วว่า การปราบปรามต้องทำแบบขุดรากถอนรากถอนกันการก่อความไม่สงบในอนาคต และอองซานซูจียังปกป้องความประพฤติของกองทัพ ด้วยการเดินทางไปยังกรุงเฮกเพื่อโต้แย้งข้อกล่าวหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ศาลชั้นนำของสหประชาชาติด้วย
