ในขณะที่อเมริกาเตรียมยุติสงครามที่ยาวนานที่สุด หลังจากผ่านไป 20 ปี ไม่มีถอนกองกำลัง จนกระทั่งนำไปสู่ความขัดแย้งที่ยาวนานขึ้น ซึ่งทำลายล้างอัฟกานิสถานเป็นเวลานานกว่า 4 ทศวรรษ เริ่มต้นด้วยการรุกรานของสหภาพโซเวียตในปี พ.ศ. 2522 สงครามและความรุนแรงทำให้ประเทศนี้มีผู้คนกว่า 30 ล้านคนยากจน โดยต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างประเทศและต้องการสันติภาพอย่างยิ่ง ครอบครัวถูกทำลายและถูกทิ้งให้สูญเสียโดยมีพลเรือนมากกว่า 100,000 คนเสียชีวิตหรือบาดเจ็บในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเพียงลำพัง ในขณะที่สหรัฐฯ เริ่มถอนตัวออกไป ชาวอัฟกันกำลังเตรียมพร้อมสำหรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ ความรุนแรงและการโจมตีพลเรือนเพิ่มขึ้น 38 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 6 เดือน หลังจากเริ่มการเจรจาสันติภาพในเดือนกันยายน ระหว่างกลุ่มตอลิบานและคณะผู้แทนอัฟกานิสถานในโดฮากาตาร์ จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่ผ่านมา ยังรวมถึงการลอบสังหารที่พุ่งเป้าไปที่ผู้หญิงที่มีชื่อเสียง, นักข่าว และคณะกลุ่มก้าวหน้าอื่น ๆ เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่ากลุ่มตอลิบานเป็นผู้ต้องสงสัยหลักในการโจมตี ถึงแม้ว่าพวกเขาจะปฏิเสธการพุ่งเป้าไปที่พลเรือนมานานแล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังมีความกังวลในหมู่ชาวอัฟกันว่า กลุ่มตอลิบานอาจเลือกใช้ความรุนแรงเพิ่มเติมหลังจากการถอนตัวของสหรัฐฯ
เพื่อตอบสนองต่อการประกาศของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในเดือนที่แล้วว่ากองทัพสหรัฐทั้งหมด จะต้องออกจากประเทศภายในวันที่ 11 กันยายน ผู้นำตอลิบานกล่าวว่าพวกเขาจะปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพต่อไป เว้นแต่สหรัฐฯ จะถอนตัวออกจากประเทศ ในข้อตกลงกับรัฐบาลทรัมป์ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
