วันที่ 8 ตุลาคม 2564 จากข่าวการเคลื่อนไหวของทีม “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ทีมฟุตบอลจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ได้รับการยืนยันจากองค์กรลูกหนังอังกฤษ ให้สามารถเปลี่ยนผู้บริหารของทีมได้เดิมเป็นของ ไมค์ แอชลีย์ กลายมาเป็นกลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบีย Public Investment Fund (PIF) ที่ร่วมวงกับ PCP Capital Partners และ RB Sports & Media ด้วยจำนวนเงิน 305 ล้านปอนด์ หรือราว 14,075 ล้านบาท
ซึ่งการเปลี่ยนผู้บริหารสโมสรในครั้งนี้ทำให้สโมสร นิวคาสเซิล กลายเป็นทีมที่เจ้าของร่ำรวยที่สุดในโลกทันที อันเนื่องมาจาก โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มีทรัพย์สินอันมหาศาลถึง 320,000 ล้านปอนด์ ซึ่งมากว่าทุกทีมในพรีเมียร์ลีกอังกฤษรวมกันเสียอีก ไม่เพียงเท่านั้นยังมากกว่าทั้ง นาสเซอร์ อัล เคไลฟี ประธานสโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมง และ ชีค มานซูร์ เจ้าของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลายเท่าตัว
1. กลุ่มทุนซาอุดีอาระเบีย พับบลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์ สโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3.2 แสนล้านปอนด์ (ประมาณ 14 ล้านล้านบาท)
2. กาตาร์ อินเวสต์เมนต์ ออธอริตี สโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมง 2.2 แสนล้านปอนด์ (ประมาณ 10 ล้านล้านบาท)
3. ชีค มานซูร์ สโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2.33 หมื่นล้านปอนด์ (ประมาณ 1 ล้านล้านบาท)
4. ดีทริช มาเตชิตซ์ สโมสรแอร์เบ ไลป์ซิก, เรดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก 1.57 หมื่นล้านปอนด์ (ประมาณ 7.2 แสนล้านบาท)
5. อันเดรีย อันเญลลี สโมสรยูเวนตุส 1.4 หมื่นล้านปอนด์ (ประมาณ 6.4 แสนล้านบาท)
6. โรมัน อบราโมวิช สโมสรเชลซี 1.05 หมื่นล้านปอนด์ (ประมาณ 4.8 แสนล้านบาท)
7. ฟิลิป อันชูตซ์ สโมสรแอลเอ แกแลคซี 8.1 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 3.7 แสนล้านบาท)
8. สแตน โครเอนเก สโมสรอาร์เซนอล 6.8 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท)
9. จาง จินตง สโมสรอินเตอร์ มิลาน 6.2 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 2.8 แสนล้านบาท)
10. กั๋ว กวางชาง สโมสรวูล์ฟแฮมป์ตัน 5.2 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 2.3 แสนล้านบาท)
